“โรม” มั่นใจข้อกฎหมาย-เพื่อน ส.ส.ทุกคนจะอยู่กับพรรค ชี้ พ.ศ.นี้ ยุบพรรคโดยศาลควรหมดไปได้แล้ว ส่วนการตั้งพรรคสำรอง - “ศิริกัญญา” พร้อมนั่ง หน.แค่เตรียมการทั่วไป
นายรังสิมันต์ โรม ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวถึงคดียุบพรรคก้าวไกล ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยวันที่ 7 ส.ค.ว่า ถือเป็นวันสำคัญกับพรรคก้าวไกลอย่างมาก และเราเชื่อมั่นว่า ถ้าว่ากันตามข้อกฎหมาย พยานหลักฐานต่างๆ กระบวนการต่างๆ ที่เกิดขึ้น ไม่น่าจะนำไปสู่การยุบพรรคได้ หวังว่าจะเกิดขึ้นแบบนี้ แต่ด้วยความที่เป็นคดีสำคัญและเป็นคดีความที่สังคมก็จับตามอง เพราะพรรคก้าวไกลในปี พ.ศ.นี้ เป็นพรรคที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดในสภาได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนกว่า 14 ล้านคน ดังนั้น การที่พรรคการเมืองถูกยุบง่ายๆ ไม่ใช่สิ่งที่สังคมไทยอยากเห็น สังคมไทยเห็นการยุบพรรคมามากมายพอแล้ว และพบแต่เรื่องความขัดแย้งใหม่ การยุบพรรคการเมืองควรหมดไปได้แล้วจาก พ.ศ.นี้ จึงคาดหวังวันที่ 7 ส.ค.นี้ จะเป็นวันที่สังคมไทยจะไม่มีการยุบพรรคอีกต่อไป
เมื่อถามถึงการเตรียมพรรคสำรองหากกรณีศาลยุบพรรคก้าวไกลจริง และได้เช็คชื่อ ส.ส. ของพรรคก้าวไกลหรือไม นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องการเตรียมพรรคสำรอง เชื่อว่า เราสามารถดูได้จากพรรคการเมืองต่างๆ ที่เคยถูกยุบ รวมถึงพรรคอนาคตใหม่ที่ถูกยุบ ไม่ใช่เรื่องที่ทุกฝ่ายคาดหมายได้ยากว่าเราต้องจัดการอย่างไร แต่สิ่งสำคัญที่พรรคก้าวไกลอยากบอกสังคม คือ การยุบพรรคไม่ควรเกิดขึ้นอีกต่อไป เพราะพรรคการเมืองเกิดขึ้นได้มีสิทธิ์มีเสียง เพราะประชาชนให้การสนับสนุน ดังนั้น หากพรรคการเมืองถูกทำลายลงไม่สามารถมีพื้นที่ต่อไปในสังคมหรือในวงการการเมืองได้ ก็ควรจะมาจากการที่ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน ขอให้การยุบพรรคเกิดขึ้นโดยประชาชน
“การยุบพรรคโดยกระบวนการศาลสำหรับผมใน พ.ศ.นี้ควรจะหมดไปได้แล้ว เราควรที่จะให้ประชาชนเป็นคนวินิจฉัยเองว่านโยบายแบบไหน พรรคการเมืองแบบไหน ที่เขาต้องการ” นายรังสิมันต์ กล่าว
ส่วนกรณีที่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล แสดงความพร้อมจะเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่นั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เป็นแค่การพูดถึงความพร้อมทั่วไปเท่านั้น แต่เบื้องต้นวันที่ 7 ส.ค.นี้ อยากให้สังคมโฟกัส ว่าไม่ควรมีการยุบพรรคอีกแล้ว
“วันนี้การยุบพรรคยังมาไม่ถึง แต่ทุกคนพูดเหมือนกับว่าพรรคจะต้องถูกยุบแน่ ยังไงก้าวไกลก็คงต้องถูกยุบแน่นอน ซึ่งผมคิดว่าเป็นสิ่งที่ผู้มีอำนาจอยากให้เป็นแบบนี้ สุดท้ายการทำงานการเมืองอยู่บนพื้นฐานความกลัวการทำนโยบายต่างๆ ไม่สามารถทำได้เต็มที่ นโยบายหลายอย่างต้องไปดูข้อจำกัดทางด้านกฎหมาย ไม่ใช่ทำนโยบายต่างๆ ได้ ต้องทำทุกอย่างถูกต้องตามขั้นตอนและกระบวนการ”
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เมื่อศาลมีคำวินิจฉัยให้หยุดการกระทำแล้วก็ไม่มีการกระทำใดที่บอกได้ว่าเรามีการกระทำใดเพิ่มเติมที่นำไปสู่การยุบพรรค เราไม่ได้ละเมิดกฎหมายใดๆ เมื่อไปดูกระบวนการของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็มีปัญหาจริงๆ แต่วันนี้สังคมมาโฟกัสก้าวไกลถูกยุบ เราเองอาจจะโฟกัสก้าวไกลถูกยุบจนลืมไปว่ามีการใช้อำนาจวิธีการบางอย่างที่อาจไม่ถูกต้องตามกฎหมายหรือเปล่า แล้วทำให้บุคคลเหล่านี้ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย จึงอยากให้สังคมช่วยกันโฟกัสและช่วยกันไปดู ว่ากระบวนการที่ กกต. ทำไปถูกต้องหรือไม่
”เรารับฟังสิ่งที่ นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรค แถลงต่อสื่อมวลชนและมีอัปเดตมาเป็นระยะ โดยคำถามที่สำคัญคือกระบวนการที่เกิดขึ้นเป็นกระบวนการที่ชอบด้วยกฎหมายให้ความเป็นธรรมกับเราในฐานะพรรคการเมืองและให้ความเป็นธรรมกับประชาชนที่เลือกตั้ง 14 ล้านเสียงหรือไม่ ผมยังมั่นใจในข้อกฎหมายและเพื่อน ส.ส.ก้าวไกล ที่จะอยู่กับพรรคต่อทุกคน” นายรังสิมันต์ กล่าว