xs
xsm
sm
md
lg

ทักษิณ-ลุงป้อม ขย่มกันหนัก !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ทักษิณ ชินวัตร - พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
เมืองไทย 360 องศา


จะเรียกว่าเป็นช่วง “หัวเลี้ยวหัวต่อ” สำหรับรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทยในเวลานี้ก็ได้ เพราะเริ่มจับอาการได้ชัดเจนว่า ภายในกำลังเกิดแรงกระเพื่อมจนเริ่ม “สั่นไหว” ให้สังเกตได้ โดยเฉพาะความเคลื่อนไหว ทั้งจากในฟากของ นายทักษิณ ชินวัตร และ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

เพราะทั้งการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น เขาใหญ่ ปากช่องเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการรวมก๊วนในรีสอร์ต ตีกอล์ฟร่วมกันระหว่าง นายทักษิณ ชินวัตร ที่เรียกว่าเป็นเจ้าของพรรคเพื่อไทย ยกครอบครัวลูกหลานไปดื่มกิน เฮฮากับกลุ่มการเมืองบางกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา “สัญญลักษณ์บ้านใหญ่” ที่เปิดดีลกันไปก่อนหน้านี้ รวมไปถึงกลุ่ม “ทุนใหญ่” เมื่อวันก่อน

ขณะเดียวกันไม่นานถัดมาก็มีการเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย คือ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่อ้าแขนรับ “สองพ่อลูก อยู่บำรุง” อย่าง นายวัน อยู่บำรุง ที่ย้ายจากพรรคเพื่อไทยเข้ามาสังกัดพรรคพลังประชารัฐ ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่แม้ว่ายังไม่อาจออกมาได้ เนื่องจากยังติดปัญหาสมาชิกภาพส.ส. หากไม่ถูกขับออก แต่ถึงอย่างไรเขาก็ได้แถลงข่าวถล่ม นายทักษิณ และคนในพรรคเพื่อไทย แบบเละทะ โดยเฉพาะพุ่งเป้าไปที่นายทักษิณ โดยตรง

การแถลงดังกล่าวของ ร.ต.อ.เฉลิม มุ่งโจมตี นายทักษิณ อย่างดุเดือด พร้อมทั้งแสดงท่าทีอย่างชัดเจน ที่เป็นปฏิปักษ์กันในสภา ที่ย้ำว่าคงต้องเปลี่ยนล้านเปอร์เซ็นต์ แต่เอาอย่างไรบอกไปไม่สนุก ต้องใจเย็นๆ เมื่อถามว่าหลังจากนี้หากมีประเด็นอะไรแสดงว่าจะอภิปรายพรรคเพื่อไทย ใช่หรือไม่

“นี่รู้ใจได้อย่างไร แต่การอภิปรายก็แล้วแต่สถานการณ์ แล้วหากใครจะออกไปวิจารณ์ก็ให้เอาพวกบิ๊กๆ มาดีเบตกัน ว่าคนจะฟังใครมากกว่ากัน จิตใจผมสะอาดไม่เคยชั่ว ไม่เคยสร้างตัวเองให้ร่ำรวยในทางการเมือง ผมเคยสร้างมนุษย์บางคนจากที่ไม่มีอะไร จนร่ำรวยๆ ผมไม่อยากบอกชื่อ แต่ทุกคนคงรู้ ”

เมื่อถามว่า บทบาทที่จะอภิปรายรัฐบาลในสัปดาห์หน้าเลยหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ต้องใจเย็นๆ ออกแล้วต้องน็อก ออกแล้วต้องมีลำหักลำโค่น ออกแล้วต้องจี๊ดจ๊าด ไม่ใช่อภิปรายกันแบบทุกวันนี้ ส่วนที่พรรคพลังประชารัฐก็เป็นพรรคร่วมรัฐบาลเช่นกันนั้น ตนยังไม่พูดว่าตนเข้าพรรคพลังประชารัฐ ยังพูดไม่ได้เพราะพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประรัฐ ยังไม่อนุญาต

ถามว่าจะอภิปรายพรรคเพื่อไทยเป็นหลัก ใช่หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ อยู่ที่ใครทำผิด นึกว่าตนไม่รู้หรือว่าจะทำอะไรกัน

ส่วนจะวางตัวเป็นฝ่ายค้านอิสระใช่หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า อย่าใช้คำว่าฝ่ายค้านอิสระเลย ใช้คำว่า เฉลิมอิสระดีกว่า ตนตรงไปตรงมา ไม่ใช่ป่วยแล้วบอกไม่ป่วย ไม่ป่วยแล้วแกล้งป่วย

เมื่อถามว่า ขณะนี้ความสัมพันธ์กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ยังถือว่าดีหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า “ชื่อยังไม่อยากได้ยิน ไม่มีแตกหัก เขาจะมาแคร์อะไรผม แต่พร้อมดีเบต ซึ่งตอนที่อยู่ต่างประเทศก็คุยกันตลอด ไม่คุยกันก็ตอนที่กลับมา และผมไม่อยากเปิดประตูความสัมพันธ์ หากจะพูดว่าใครมีบุญคุณต่อกัน ไม่มีใครรู้ แต่ผมรู้ ฟ้าดินรู้ ใครมีบุญคุณกับใคร”

สำหรับคนที่พร้อมจะดีเบตมีแค่ นายทักษิณใช่หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น ให้เกียรติอดีตรองนายกฯ ไม่เช่นนั้น ใครจะรู้ประวัติเดิมของกันและกัน นอกจากตนใครจะรู้ว่านายทักษิณ เคยไปนั่งที่ อสมท. ไปเช่าเวลา นอกจากตนใครจะรู้ว่า ใครเป็นคนอนุมัติสัมปทานเคเบิ้ลทีวี IBC ให้นายทักษิณ ไม่มีใครมีบุญคุณต่อกัน และที่พูดก็ไม่ได้เพื่อเอาบุญคุณ แต่ถ้ามีการดีเบต จะสนุก

นั่นเป็นคำพูดของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่ถล่มนายทักษิณ ชินวัตร แบบไม่เผาผี พร้อมกับขู่ถึงเรื่องการกุมความลับบางอย่าง รวมไปถึงยืนยันจะแสดงบทบาทฝ่ายค้านในสภา โดยจ้องอภิปรายถล่มพรรคเพื่อไทยอีกด้วย

แม้ว่าสำหรับคอการเมืองที่ติดตาม ร.ต.อ.เฉลิม มาอย่างต่อเนื่อง อาจมองว่านี่คือ รายการ “แบล็กเมล์” เพื่อหวังผลบางอย่างก็ตาม แต่นาทีนี้ต้องยอมรับว่า ทั้งคู่กำลังขัดแย้งกันรุนแรง

ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาการเคลื่อนไหวของ ร.ต.อ.เฉลิม แล้วก็ต้องเชื่อมโยงมาถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ถือว่า “น่าจับตา” เป็นพิเศษ จนถึงขนาดที่ว่า ก่อนหน้านี้ นายทักษิณ ชินวัตร เคยเอ่ยปากให้ได้ยินว่า “คนในบ้านป่า ที่ทำให้วุ่นวาย” ซึ่งในวงการย่อมรู้ดีว่าหมายถึง “ลุงป้อม” นั่นเอง

สอดคล้องกับข่าวความเคลื่อนไหวของพล.อ.ประวิตร ที่ยังหวังลุ้นเก้าอี้นายกรัฐมนตรี อีกเฮือกหนึ่ง โดยอาศัยจังหวะในช่วงเวลาสำคัญที่อาจเกิดขึ้นในเดือนสิงหาคมนี้ ไม่ว่าจะเป็นคดียุบพรรคก้าวไกล ที่ศาลรัฐธรรมนูญ จะตัดสินใจวันที่ 7 หรือ กรณีศาลฯ ตัดสินคดีถอดถอน นายเศรษฐา ทวีสิน จากนายกรัฐมนตรี จากกรณีแต่งตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี โดยมิชอบ เนื่องจากขาดคุณสมบัติ ที่จะมีการชี้ขาดกันในวันที่ 14 สิงหาคม เรียกว่า มีสิทธิ์ลุ้นได้เสียกันเลย

ทั้งสองกรณีมีผลทางการเมืองทิ้งสิ้น เพราะหากมีการยุบพรรคก้าวไกล ก็จะเปิดทางให้มีการย้ายพรรค ซึ่งนี่อาจมีรายการ “งูเห่า” หรือ มีส.ส.ย้ายพรรคเข้ามา เพิ่มพลังการต่อรองมากขึ้น หรือกรณีถอดถอนนายกฯ จนนำไปสู่การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ มันก็มีสิทธิ์ที่จะฝันกันอีกรอบ เพราะเป็นผลต่อเนื่องจากการ “ดูด” ส.ส.จากกรณีแรกเข้ามาเพิ่มไว้แล้ว รวมไปถึงข่าวคราวที่มีการ “เลี้ยงดูปูเสื่อ” ส.ว.ชุดใหม่บางกลุ่ม เพื่อเป็นฐานรองรับในอนาคต

ดังนั้นหากพิจารณาจากสองกรณีล้วนเชื่อมโยงถึงกัน และเห็นเป็นการขับเคี่ยวกันระหว่าง นายทักษิณ ชินวัตร กับ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งกรณีหลังก็ต้องแยกให้ออกกับบางส่วนในพรรคพลังประชารัฐ ที่มีกลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เพราะยังไม่ชัดเจนกับความเคลื่อนไหวของ “ลุงป้อม” แต่เอาเป็นว่า นายทักษิณ และพรรคเพื่อไทย กำลังถูก “ขย่ม” หนักก็แล้วกัน เมื่อมองจากสถานการณ์ใหญ่ในเดือนสิงหาคมนี้แล้ว มันก็ยิ่งน่าหวาดเสียวสำหรับรัฐบาลผสมที่กำลังเริ่มโคลงเคลงจนอาจจมลงได้ตลอดเวลาเหมือนกัน !!


กำลังโหลดความคิดเห็น