"เศรษฐา" เผย ผบ.ตร.เตรียมบินกัมพูชาสัปดาห์หน้า ขยายผล ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชุดใหญ่ หลังคุยผบ. ตร.กัมพูชาเช้านี้ พร้อมกำชับผบ.ช.น.จัดการจีนเทา-ป้ายพาสปอร์ตเถื่อน ยัน พยายามดูแลปัญหาสินค้าจีนทะลัก
วันนี้ (25ก.ค.) เมื่อเวลา 13.56 น. ที่สโมสรทหารบก นายเศรษฐา ทวีสินนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชุดใหญ่ที่มีการตัดสัญญาณโทรศัพท์ และทำลายเสา สาย ซิม ได้มีการพูดคุยกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)อย่างไรบ้าง ว่า เรื่องดังกล่าวสืบเนื่องมาจากที่ตนเดินทางไปที่อ.เชียงแสน จ.เชียงราย และมีการสั่งตัดคลื่นสัญญาณโทรโทรศัพท์ไปแล้ว และได้มีการพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้ว ในเรื่องการขอความร่วมมือ แล้วเมื่อ 10.00 น ที่ผ่านมา พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ได้หารือกับ พล.ต.อ.ซอ เทต ผบ.ตร.กัมพูชา
และเข้าใจว่าสัปดาห์หน้าผบ. ตร.จะเดินทางไปกัมพูชา เพื่อไปขยายผลต่อ ขอย้ำว่าเรื่องนี้เราให้ความสำคัญเต็มที่อยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เราดึงเรื่องการท่องเที่ยวเข้ามา แต่ก็มีทุนสีเทาแฝงเข้ามากับการท่องเที่ยว ทำให้มีผลกระทบกับการท่องเที่ยวของไทย จะมีการประชุมใหญ่เพื่อป้องกันเฝ้าระวังให้มากขึ้นหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ทำอยู่ตลอด เมื่อคืนตอน 20.00 น ตนก็ไปพบกับผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ก็ได้กำชับเรื่องจีนสีเทา และเรื่องการขยายผลการจับกุมป้ายชวนซื้อขายพาสปอร์ต 4 สัญชาติ ที่สี่แยกห้วยขวาง ซึ่งตรงนี้พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบ.ช.น. ได้มีการจับผู้หญิงชาวจีนไปแล้วก่อนหน้านี้ และมีการจับผู้ชายได้อีกตามมา ที่กำลังจะเดินทางออกนอกประเทศแต่เราจับได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ และอยู่ในช่วงการขยายผล ซึ่งตรงนี้ตนให้ผบ.ช.น.เป็นผู้แถลงข่าวเองดีกว่า คนไม่อยากพูดเยอะเดี๋ยวจะเสียรูปคดี แต่ยืนยันว่ามีความคืบหน้าในการดำเนินการต่อไป
เมื่อถามว่า สินค้าจีนที่ทะลักเข้ามา จนส่งผลในเรื่องการค้าขายของประเทศเราด้วย จะดำเนินการอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ในช่วงที่มีความผันผวนมาก และมีการผ่านถ่ายสินค้าทั่วโลกเข้ามาได้ มันเป็นเรื่องการแข่งขันทางการค้า ซึ่งรัฐบาลเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ท่านก็ทราบดีอยู่แล้วเรื่องการเก็บภาษี (vat) พี่มีราคาต่ำกว่า 1,500 บาท เราก็มีการออกมาตรการไปแล้ว เรื่องการตรวจตู้คอนเทนเนอร์สินค้า และเอกซเรย์อย่างถี่ถ้วน ตนชื่อว่าตรงนี้เราพยายามอย่างเต็มที่ทุกคน
จากนั้น เวลา 14.26 น.นายกรัฐมนตรีได้โพสต์ข้อความผ่านแอพพลิเคชั่น X ถึงเรื่องความคืบหน้าในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ว่า “ จากการหารือของผมและท่านฮุน มาแนต นายกฯ กัมพูชา เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งต่อให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกัมพูชาและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติไทยหารือร่วมกันในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างจริงจัง วันนี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติของทั้ง 2 ประเทศได้ประชุมร่วมกัน มีความคืบหน้าไปมากครับ
ฝ่ายไทยได้แลกเปลี่ยนข้อมูลกับกัมพูชา โดยเฉพาะข้อมูลทางคดีที่ตำรวจไทยออกหมายจับคนไทยที่ไปร่วมขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์และยังหลบหนีอยู่ในกัมพูชา โดยขอให้ทางการกัมพูชาจับกุมและส่งตัวมาดำเนินคดีในประเทศไทย
ทั้งนี้ ไทยได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งที่ตั้งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 5 จุด และขอให้ทางกัมพูชาสืบสวนจับกุม พร้อมขยายผลถึงกลุ่มชาวต่างชาติที่ร่วมขบวนการดังกล่าวด้วย
ขณะเดียวกันก็ขอขอบคุณฝ่ายกัมพูชาที่ร่วมมือในการสืบสวนปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตามที่ไทยให้ข้อมูล ทั้งนี้ทางกัมพูชายังได้ขอให้ไทยช่วยสืบสวนปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ ซึ่งตำรวจทั้ง 2 ประเทศ จะตั้งคณะทำงานเพื่อปฏิบัติงานร่วมกันที่กัมพูชาในช่วงต้นสิงหาฯ นี้ครับ“