เครือข่ายพันธมิตรชานมฯ ร้อง กมธ.ความมั่นคงฯ จี้รัฐสนับสนุนมาตรการคว่ำบาตร-การให้บริการทางการเงินกับเมียนมา ด้าน “โรม” ออกหน้ารับหนังสือเอง เผย 2 ส.ค.เตรียมบุกแบงก์ชาติขอความชัดเจน ขณะที่ปลายเดือนส.ค.ถามความคืบหน้ารมว.กต.
วันที่ 25 ก.ค.2567 เวลา 09.10 น.ที่รัฐสภา น.ส.ณิชากานต์ รักวงษ์ฤทธิ์ ผู้แทนพันธมิตรชานมประเทศไทย และเครือข่ายประชาชนไทยเพื่อคนพม่า พร้อมคณะเข้ายื่นหนังสือต่อนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาฯ เพื่อขอให้พิจารณาสนับสนุนข้อเรียกร้องจากภาคประชาสังคมกรณีที่ประเทศไทยถูกกล่าวถึงในการให้บริการทางการเงิน และให้การสนับสนุนในการจัดหาอาวุธ และยุทโธปกรณ์ให้กับรัฐบาลทหารเมียนมา
โดยน.ส.ณิชากานต์ กล่าวว่า ทางตัวแทนเครือข่ายฯมีความกังวลอย่างมากต่อความนิ่งเฉยของรัฐบาลไทยในขณะนี้จึงได้ร่วมกับ 240 องค์กรภาคประชาสังคมในเมียนมา และองค์กรระหว่างประเทศออกแถลงการณ์ร่วมกันจากความขัดแย้ง และการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นในประเทศเมียนมานั้น จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยสนับสนุนมาตรการคว่ำบาตร ซึ่งเป็นการตัดการเข้าถึงการบริการทางการเงินระหว่างประเทศของเผด็จการหทารเมียนมา และการเข้าถึงรายได้จากก๊าซ และขอเรียกร้องให้ปตท.ยุติการมีส่วนร่วมในการสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงและปิดกั้นรายได้ก๊าซธรรมชาติของเผด็จการทหารของเมียนมา ตามเสียงเรียกร้องของภาคประชาสังคมเมียนมา รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (NUG) และพรรคก้าวไกล
ด้านนายรังสิมันต์ กล่าวว่า กมธ.ได้ติดตามเรื่องนี้ และพยายามแก้ปัญหาโดยการประชุมกมธ.ครั้งล่าสุดมีสัญญาณค่อนข้างบวกในการแก้ปัญหา โดยได้รับคำชี้แจงว่าธนาคารไม่ได้รับรู้เรื่องนี้มาก่อน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็ได้ตอบกระทู้ถามสดแล้ว อย่างไรก็ตามเราไม่ต้องการเห็นการเอาทรัพยากรของประเทศไทย และการใช้ระบบธนาคารของประเทศไทยเข้าไปเกี่ยวข้องกับการซื้อขายอาวุธที่นำไปสู่การฆ่าล้างประชาชนในเมียนมา เชื่อว่าสังคมไทยไม่ยอมรับและไม่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ในวันที่ 2 ส.ค.ทางกมธ.จะเดินทางไปธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท และปลายเดือนส.ค.จะเดินไปที่กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ซึ่งหวังว่าจะได้เห็นรูปธรรมอย่างชัดเจน