xs
xsm
sm
md
lg

“หทัยรัตน์” จี้ กกต.สอบ “ส.ว.กลุ่ม 18” เคยติดคุก ชี้เข้าข่ายขาดคุณสมบัติ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“หทัยรัตน์” อดีตผู้สมัครสายสื่อ จี้ กกต.สอบ “สว.กลุ่ม 18” เคยติดคุก ชี้เข้าข่ายขาดคุณสมบัติหรือไม่ พร้อมเร่งสางปม “หมอเกศ” อย่าให้ชาวเน็ตต้องทำงานแทน

วันนี้ (22 ก.ค.) น.ส.หทัยรัตน์ พหลทัพ อดีตผู้สมัคร ส.ว.กลุ่ม 18 สื่อมวลชนและผู้สร้างสรรค์วรรณกรรม กล่าวถึงกรณีมีข้อมูลว่า มี ส.ว.กลุ่ม 18 ถูกจำคุกและเพิ่งได้รับการปล่อยตัวเมื่อปี 2561 นั้น เรื่องนี้ถือว่า ขาดคุณสมบัติการสมัคร ส.ว.ตามลักษณะต้องห้าม 26 ข้อตามที่ กกต.กำหนด โดยมี 2 ข้อที่กำหนดว่า 1. ผู้สมัครไม่ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล และ 2. เคยได้รับโทษจำคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึงสิบปีนับถึงวันเลือกในระดับอำเภอ เว้นแต่ ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ

“หากเรื่องนี้เป็นจริงเท่ากับว่า ส.ว.คนนี้ยังพ้นโทษไม่ถึง 10 ปี จึงถือว่า เข้าข่ายขาดคุณสมบัติในการสมัครเป็น ส.ว.ตั้งแต่ต้น ซึ่งความจริงผู้สมัครเอง น่าจะรู้ตัว และไม่ควรสมัครด้วยซ้ำไป แต่ในเมื่อได้รับเลือกแล้ว กกต.ควรสืบสวนและดำเนินการเพิกถอนออกจากตำแหน่ง” อดีตผู้สมัคร ส.ว. กล่าว

น.ส.หทัยรัตน์ กล่าวอีกว่า เธอยังกล่าวอีกว่า ขณะเดียวกัน กฎหมายผู้สมัครที่มีลักษณะต้องห้ามนั้นตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 ยังกำหนดว่า หากผู้ใดฝ่าฝืน รู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกไม่ว่าเพราะเหตุใดต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี ส่วนผู้รับรองหรือเป็นพยานซึ่งลงลายมือชื่อรับรองเอกสารหรือหลักฐานที่ใช้ประกอบการสมัครเป็นเท็จต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 5 ปี

นอกจากนี้ น.ส.หทัยรัตน์ ยังเรียกร้อง กกต.อีกว่า ขอให้ตรวจสอบผู้ได้รับเลือกเป็น ส.ว.ในกลุ่ม 18 อีกคนหนึ่งที่มีประวัติอาชญากรรมด้วยข้อหาจ้างวานฆ่าภรรยาตัวเองนั้นกระบวนการตามกฎหมายสิ้นสุดแล้วหรือยัง หากยังไม่สิ้นสุด กกต.ก็ควรดำเนินการเพิกถอนเช่นเดียวกัน เพราะถือว่า ยังเป็นคดีอยู่ ซึ่งทำให้ไม่มีความสง่างามในการดำรงตำแหน่งเป็น ส.ว.อีกทั้งขาดคุณสมบัติด้วย

“ยังมีอีกหลายกรณีที่ กกต.ยังไม่ดำเนินการเอาผิด ทั้งที่เป็นเรื่องฉาวโฉ่อย่างกรณีของ พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย ส.ว. ที่เขียนประวัติตัวเองใน สว.3 ที่เข้าข่ายหลอกลวงผู้สมัครและประชาชน จนถึงตอนนี้ กกต.ก็ยังไม่ดำเนินการเอาผิด ทั้งที่มีความผิดชัดเจน แต่กลับต้องให้ชาวเน็ตเป็นคนสืบสวนแทน ทั้งที่เป็นหน้าที่ของ กกต.ที่ต้องทำการสอบสวนเมื่อพบความผิดและมีบทลงโทษตามกฎหมาย” น.ส.หทัยรัตน์ กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น