“ธนกร” ฝากรัฐบาลทำโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ดีต่อยอดระบบ-ข้อมูลประชาชนจากรัฐบาลที่แล้ว ยก “คนละครึ่ง-เราเที่ยวด้วยกัน” เป็นโมเดล ขอเร่งแก้เศรษฐกิจให้ตรงจุด ใช้งบอย่างมีประสิทธิภาพ แนะ หารายได้เก็บภาษีออนไลน์ เชื่อ ได้เม็ดเงินมหาศาล ช่วย ปชช. ชม นายกฯทำถูกแล้ว ลงพื้นที่ฟังปัญหา ไม่นั่งหอคอยงาช้าง
วันที่ 17 ก.ค. 2567 นายธนกร วังบุญคงชนะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) อภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2567 จำนวนไม่เกิน 1.22 แสนล้านบาท ต่อสภาผู้แทนราษฎร ว่า ตนมีข้อเสนอแนะอยู่ 3 ประเด็นที่อยากฝากไปยังรัฐบาล โดยเป็นการตั้งข้อสังเกตว่าอยากให้มีการสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางด้านดิจิทัลที่ดี ซึ่งที่ผ่านมา รัฐบาลในอดีตมีการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนผ่านโครงการต่างๆมากมาย ทั้งโครงการ “คนละครึ่ง” “เราเที่ยวด้วยกัน” และอีกหลายโครงการ รวมถึงการเยียวยาพี่น้องประชาชนต่างๆ โดยใช้ระบบดิจิทัลที่ดี จึงอยากให้รัฐบาลชุดนี้ดำเนินการต่อตามมาตรการที่ได้มาตรฐาน ซึ่งเรามีตัวเลขจำนวนประชาชนอยู่แล้ว จึงสามารถออกแบบการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้ตรงเป้าหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลสามารถนำฐานข้อมูลเหล่านี้เรียนรู้พฤติกรรมต่างๆและการใช้จ่ายผ่านช่องทางเหล่านี้ มาวิเคราะห์และออกแบบสร้างแรงจูงใจในทางธุรกิจได้เพื่อให้สามารถทำงานเข้าสู่ระบบมากยิ่งขึ้น ตนจึงอยากให้รัฐบาลคำนึงถึงการสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่ดี
ขณะเดียวกัน อยากให้รัฐบาลมีแผนในการหารายได้ให้กับประชาชนและประเทศชาติมากยิ่งขึ้น ซึ่งต้องมีการวางแผนในการจัดเก็บภาษีเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม โดยกระทรวงการคลังมีแผนตรงนี้อยู่แล้ว แต่ทราบว่ายังไม่ตกผลึก จึงมองว่า หากมีการวางแผนในการจัดเก็บภาษีหารายได้ให้กับประเทศ จึงควรใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการเก็บภาษีเกี่ยวกับการใช้จ่ายผ่านออนไลน์จะสามารถสร้างเม็ดเงินให้กับประเทศอย่างมากมาย
โดยต้องยอมรับว่า ในอดีตที่ผ่านมา ประเทศมีรายได้หลักจากการท่องเที่ยว ก่อนโควิด มีนักท่องเที่ยวถึง 40 ล้านคน เงินเข้าประเทศถึง 2.7 ล้านล้านบาท เรามีรายได้จากการส่งออก ดังนั้น ตนเชื่อว่า หากมีการบริหารจัดการที่ดีเราจะสามารถหารายได้ให้กับประเทศได้
นายธนกร ยังกล่าวด้วยว่า อยากให้รัฐบาลมีนโยบายระยะกลางและระยะยาวออกมาด้วย ที่จะต้องทำให้โครงสร้างของเศรษฐกิจไทยที่เติบโตต่ำในปัจจุบันเพื่อให้จีดีพีของไทย สามารถขยายตัวได้อีก แต่เมื่อมีการขยายตัวต่ำ เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดโควิด โดยช่วงก่อนโควิด เศรษฐกิจโลก 3.5% แต่หลังจากโควิดไทยขยายตัวต่ำเฉลี่ยอยู่ที่ 2% ล่าสุด ไตรมาส 1 ของปี 2567 จีดีพีไทยขยายตัวเพียง 1.5% เท่านั้น เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซีย ขยาย ตัว 4.2% อินโดนีเซีย 5.1% เวียดนาม 5.9% ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลจะต้องเร่งแก้ปัญหา ถ้าไม่แก้ตรงนี้ในอนาคตการขยายการลงทุนต่างๆจากต่างประเทศก็จะไปในประเทศเพื่อนบ้านหมด ขอให้รัฐบาลเร่งแก้ไข
ทั้งนี้ สิ่งที่รัฐบาลกำหนดเป็นนโยบายสำคัญที่สุด คือ การทำอย่างไรให้เศรษฐกิจไทยมีการเติบโตที่สูงขึ้น แก้ปัญหาข้อจำกัดในการพัฒนาเพื่อให้เป้าหมายเกิดการพัฒนาเศรษฐกิจเติบโตในอัตราที่สูงขึ้นอย่างยั่งยืน ต้องดูในเรื่องของทักษะแรงงาน ที่ถือเป็นเรื่องสำคัญและรัฐบาลชุดนี้ก็ดำเนินการอยู่แล้ว
นอกจากนี้ ยังควรส่งเสริมเรื่องระบบเทคโนโลยีส่งเสริมภาคการผลิต รัฐและเอกชนต้องร่วมกันเพิ่มการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย จึงเชื่อว่า หากรัฐบาลเร่งดำเนินการก็จะสามารถแก้ปัญหาได้
นายธนกร ระบุว่า วันนี้อยากให้รัฐบาลให้ความสำคัญและเห็นคุณค่ากับงบประมาณ และให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้ถูกจุด โดยจัดลำดับความสำคัญก่อนหลังเพื่อให้การใช้เงินงบประมาณซึ่งเป็นต้นทุนของประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่พี่น้องประชาชน
ทั้งนี้ ก็อยากจะให้กำลังใจกับนายกรัฐมนตรี ที่ท่านขยันลงพื้นที่พบปะกับพี่น้องประชาชนทุกวัน ตนเห็นว่าการลงพื้นที่แบบนี้เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
“แม้ว่าใครจะกระแนะกระแหนท่านก็ตาม แต่ผมเชื่อว่า การที่ท่านนายกฯลงไป นั่นคือการรับฟังปัญหาจากพี่น้องประชาชน อย่างน้อยที่สุด กลไกในระบบราชการต่างๆ ก็จะได้มีการเคลื่อนไหวในการช่วยเหลือประชาชน เพราะวันนี้ต้องยอมรับว่า หน่วยงานที่มีหน้าที่บางหน่วยงานไม่สามารถช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้เลย จึงทำให้เกิดอินฟูลเอนเซอร์ ไม่ว่าจะเป็น ”กัน จอมพลัง“ หรือทนายความต่างๆ ซึ่งก็ขอชื่นชม และการที่นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่มันเป็นประโยชน์ ท่านไม่ได้นั่งอยู่บนหอคอยงาช้าง แต่ลงพื้นที่ไปเจอปัญหา ไปพบกับพี่น้องประชาชน สร้างขวัญและกำลังใจให้กับประชาชน คิดว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว จึงขอให้กำลังใจ เราเป็นพรรคร่วมรัฐบาล อะไรที่เสนอแนะได้ และต้องยอมรับว่า นายกฯก็รับฟังพวก ส.ส.เหมือนกัน วันนี้ทุกอย่างที่เราเดินมาก็ต้องยอมรับเรื่องภาวะเศรษฐกิจของประเทศไม่ค่อยดี การค้าขายต่างๆ ได้รับผลกระทบจากต่างประเทศ ทั้งสงครามรัสเซีย ยูเครน สงครามการค้าระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกา กับ จีน ต่างๆ เหล่านี้ ซึ่งเป็นภาวะที่ไม่ดี แต่ถ้าเราแก้ปัญหาอย่างถูกจุดได้ตนเชื่อว่าจะสามารถแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้ และฝากกำลังใจเป็นรัฐมนตรี และ ส.ส.ในสภาทุกคนในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน” นายธนกร กล่าว