“เทพไท” ร่วมอนุโมทนาบุญ “ทักษิณ” บริจาคเงิน 3.34 ล้าน อุปถัมภ์พระบวชใหม่ที่สุรินทร์ ถวายเป็นพระราชกุศล ติงให้พระนั่งพื้น แต่ตัวเองนั่งเก้าอี้ ทำให้เกิดภาพลบ แนะหากอยากสร้างกุศลครั้งใหญ่ ควรเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ด้วยตัวเอง เพื่อล้างความผิดที่เคยทำกับบ้านเมือง ก่อนช่วยงานรัฐบาล ฉายาให้เสร็จสรรพ “ทักษิโณภิกขุ”
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปเป็นประธานอุปถัมภ์โครงการบรรพชาอุปสมบท ถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษา พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่วัดสุวรรณวิจิตร ตำบลกังแอน อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ได้ถวายปัจจัยพระบวชใหม่รูปละ 10,000 บาท จำนวน 334 รูป เป็นเงิน 3.34 ล้านบาท ขอร่วมอนุโมทนาบุญด้วย
นายเทพไท กล่าวว่า ถ้าหากจะสังเกตถึงความเคลื่อนไหวของคุณทักษิณ จากการเดินทางในครั้งนี้ จะพบว่า คุณทักษิณต้องการลงพื้นที่ไปพบมวลชน มากกว่าการร่วมงานบรรพชาอุปสมบทเสียอีก เพราะเวลาส่วนใหญ่จะอยู่กับมวลชนมากเป็นพิเศษ จะเห็นกิจกรรมนอกจากพิธีบรรพชาอุปสมบทในวัดแล้ว คุณทักษิณมีโปรแกรมพบปะกับมวลชนและแกนนำทางการเมืองทั้งสิ้น
“สิ่งที่คุณทักษิณได้จากการลงพื้นที่ในครั้งนี้ นอกจากจะได้บุญกุศลจากการอุปสมบทของนาคจำนวน 334 คน และได้พบกับมวลชนฐานการเมืองของพรรคเพื่อไทยแล้ว แต่ในด้านลบที่เกิดขึ้นเช่นกัน เห็นจากภาพที่โลกโซเชียล ได้แชร์ภาพที่คุณทักษิณนั่งอยู่บนเก้าอี้ ปูด้วยพรมสีแดงเพียงคนเดียว ในขณะที่พระภิกษุที่บวชใหม่ นั่งอยู่กับพื้นใกล้ๆ ที่นั่งของคุณทักษิณ จนมีการแชร์กันว่อนในสื่อโซเชียล วิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมอย่างกว้างขวาง”
นายเทพไท กล่าวว่า ตนคิดว่า หากนายทักษิณมีจิตกุศลอย่างแรงกล้าจริง ก็อยากจะแนะนำให้นายทักษิณสร้างบุญครั้งใหญ่ มากกว่าการทำบุญใหญ่แค่เป็นประธานโครงการบรรพชาอุปสมบท และทำบุญด้วยเงินจำนวน 3.34 ล้านบาทเสียอีก นั่นก็คือ การเข้าสู่ใต้ร่มกาสาวพัสตร์ การที่นายทักษิณประกาศว่า หลังพ้นจากสภาพความเป็นนักโทษในเดือนสิงหาคมนี้แล้ว จะได้ช่วยเหลืองานของรัฐบาลและประเทศนั้น ตนเห็นว่า สิ่งแรกที่นายทักษิณน่าจะทำนั้น คือ การเข้าพิธีบวชล้างกิเลส และอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับชาติบ้านเมือง ที่เคยได้ทำความผิดไว้ ตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หลายคดี
“ถ้าหากคุณทักษิณตัดสินใจบวชจริง จะขออนุโมทนาบุญด้วย จะเป็นกุศลอันยิ่งใหญ่ และขอตั้งฉายาหรือชื่อตามภาษาบาลีให้ว่า ทักษิโณภิกขุ หรือทักษิณานุปทาโนภิกขุ ให้เลือกใช้ ส่วนฉายาไหน ที่เป็นสิริมงคลต่อชีวิต และไม่เป็นกาลกิณี ก็พิจารณาได้ตามความเหมาะสม” นายเทพไท กล่าว