“สรวงศ์” ยัน หัวหน้า พท. คุย “วัน” ไม่มีคำพูดให้เจ็บช้ำ มองการเมืองอะไรก็เกิดขึ้นได้ หลังเจ้าตัวประกาศไม่หวนคืนเพื่อไทย ชี้ขับ “เฉลิม” พ้นพรรค ทำได้ยาก เหตุไม่มีความผิดร้ายแรง
วันนี้ (15 ก.ค.) นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทย ของ นายวัน อยู่บำรุง ซึ่งมีการพาดพิงถึงวันที่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เรียกเข้าไปพูดคุย จนมีประเด็นที่ทำให้ต้องตัดสินใจลาออก โดยยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่มีประเด็นอะไร เป็นไปตามที่เคยให้สัมภาษณ์ไว้ เมื่อเข้าไปพบ นางสาวแพทองธาร แล้ว นายวัน ก็ได้ขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมระบุว่า คิดน้อยไปหน่อย ขณะที่ นางสาวแพทองธาร ก็ระบุว่าเรื่องที่เกิดขึ้นผู้ใหญ่ภายในพรรคไม่สบายใจ จึงต้องมีการเชิญมาพูดคุยกัน และมีการกำหนดบทลงโทษเรื่องของตำแหน่งทางการเมือง ทำให้ นายวัน ตัดสินใจขอลาออกเอง ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ นางสาวแพทองธาร ลำบากใจ และอยากให้ นายวัน อธิบายปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้น
เมื่อถามย้ำว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่ นายวัน อาจเจ็บช้ำกับบางประโยคที่เรียกเข้าไปพูดคุย นายสรวงศ์ กล่าวว่า เท่าที่ตนฟังไม่มี แต่ความรู้สึกของคนก็ต่างกัน
เมื่อถามต่อว่า มีปัญหาความขัดแย้งหรือสะสมมาหรือไม่ เพราะเกิดเรื่องนี้ก็ทำให้ ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ถึงกับประกาศให้พรรคขับออก นายสรวงศ์ ยืนยันว่า ไม่มีปัญหาความขัดแย้งสะสม เพราะจากการทำงานที่ผ่านมา นายวัน ก็ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มาตั้งแต่สมัย นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว อดีตรัฐมนตรี จึงมั่นใจว่า ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร และการทำงานของตนกับ นายวัน ก็เป็นปกติ ส่วนประเด็นทางการเมืองก็ว่ากันไป และอยากให้เรื่องนี้จบ
ส่วนในอนาคต ด้วยความสนิทสนมส่วนตัวและความผูกพัน เชื่อว่า สามารถพูดคุยกันได้
เมื่อถามว่า นายวัน ประกาศจะไม่กลับมาพรรคเพื่อไทยแล้ว นายสรวงศ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องการเมือง ขณะนี้อาจยังร้อนอยู่และมีอารมณ์ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ก็ขอเวลาค่อยเป็นค่อยไป
เมื่อถามว่า ในส่วนของพรรคเพื่อไทยได้มีการพูดคุยปัญหาที่เกิดขึ้นกับ ร้อยตำรวจเอก เฉลิม หรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า ร้อยตำรวจเอก เฉลิม ได้โทรศัพท์มาหาตน และได้มีโอกาสพูดคุยกันที่สภา
“ผมตอบไปว่า ขออนุญาตไม่ทำตามคำสั่งอานะ เพราะด้วยความเป็นพรรคมันมีกระบวนการอยู่ การจะขับท่านใดออกจากพรรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และเป็นสมาชิกพรรคด้วย การขับออกจากพรรคมันต้องมีความผิดร้ายแรง ซึ่งก็มีคณะจริยธรรมที่จะต้องเสนอต่อคณะกรรมการบริหารพรรค ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ จะขับได้”