”สว.อังคณา“ เผยอยากเห็นปธ.วุฒิฯเป็นพลเรือน และผู้หญิง เพื่อความเสมอภาคทางเพศ ยอมรับร่วมกลุ่มสว.พันธุ์ใหม่เพราะเคยทำงานร่วมกัน มองมีหลายกลุ่มก๊วนไม่น่าเป็นอุปสรรคหากกลุ่มใหญ่พร้อมเปิดทางกลุ่มน้อยได้ร่วมทำงาน
วันนี้ (12ก.ค.) นางอังคณา นีละไพจิตร สว. ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้ารายงานตัวต่อสำนักงานเลขาวุฒิสภา ถึงกรณี การคัดเลือกตำแหน่งประธานวุฒิสภา ว่า ขณะนี้ตนยังไม่ได้รับการติดต่อเพื่อขอคะแนนจากใคร แต่โดยหลักการอยากสนับสนุนให้มีประธานวุฒิสภาหรือรองประธานวุฒิสภาเป็นผู้หญิง เพราะหากมองเรื่องความเสมอภาคทางเพศ สภาผู้แทนราษฎรก็ไม่มีผู้หญิง ตนคิดว่าอย่างน้อยก็หนึ่งตำแหน่งมีความจำเป็นต้องให้ผู้หญิงโดยจะเป็นใครก็ได้ เพราะทุกคนที่เข้ามาล้วนมีศักยภาพ และความสามารถในการทำหน้าที่ได้ และหากมีคนเสนอตนก็สามารถทำหน้าที่ได้เช่นกัน
ส่วนกรณีที่นางนันทนา นันทวโรภาส สว. ระบุว่ามีการรวมกลุ่มสว.พันธ์ุใหม่ โดยดึงนางอังคณาเข้าไปอยู่ในกลุ่มด้วยนั้น นางอังคณายอมรับว่าตนก็อยู๋ในกลุ่มนั้นด้วย ซึ่งกลุ่มของนางนันทนามีเพื่อนๆ หลายคน ที่มีความสัมพันธ์ส่วนตัวมาก่อนรวมอยู่ในนั้นด้วย ทั้งที่เคยทำงานภาคสังคมหรือเคยทำงานอื่นๆ มาก่อน จึงมารวมตัวกันประมาณ 20 กว่าคน
เมื่อถามว่าทางกลุ่มได้มีการพูดคุยถึงชื่อประธานวุฒิสภาที่อยู่ในใจบ้างแล้วหรือยัง นางอังคณากล่าวว่า ยังไม่ได้พูดกัน แต่ส่วนตัวมองว่าอยากเห็นประธานวุฒิสภาเป็นพลเรือนและเป็นผู้หญิง ส่วนชื่อที่ปรากฏมาตามหน้าสื่อนั้น นางอังคณากล่าวว่า หากพูดตามข้อเท็จจริงพวกตนมาไม่ได้มีกลุ่มหนุนหลัง เราอยากขอโอกาสของคนที่เป็นเสียงส่วนน้อยได้เข้ามามีบทบาทด้วย ซึ่งต้องรอดูว่า สมาชิกทั้งหมดที่ดูเหมือนจะเป็นกลุ่มก้อนใหญ่จะเปิดโอกาสหรือใจกว้างอยากให้คนส่วนน้อยได้แค่ไหนหรือไม่
เมื่อถามว่าในฐานะเคยทำงานใน3จังหวัดชายแดนภาคใต้ น่าจะรู้จักทหารดี หากมีระดับพลเอกมานั่งเป็นประธานวุฒิสภา รู้สึกแต่ตระขิดตระขวงใจหรือไม่ นางอังคณา กล่าวว่า เอาเป็นว่าหากพูดถึงในระดับสากล ในประเทศที่เป็นประชาธิปไตยเราไม่ค่อยเห็นหน่วยงานความมั่นคงที่ไม่ว่าจะเป็นอดีตหรือกำลังปฎิบัติหน้าที่มาเป็นประธาน ตนจึงอยากจะเห็นประธานเป็นพลเรือนมากกว่า
เมื่อถามว่าหากมีหลายกลุ่มหลายก๊วน เกิดขึ้นในสว.ชุดนี้ จะทำงานร่วมกันได้หรือไม่ นางอังคณากล่าวว่าตนมองว่าไม่น่าจะเป็นอุปสรรคต่อการทำงาน เพราะสุดท้ายก็ต้องทำงานร่วมกัน เพียงแค่ขอให้คนกลุ่มใหญ่เปิดใจและรับฟังเสียงของคนส่วนน้อยด้วย เพราะหากมีการทำงานแบบประชาธิปไตย สุดท้ายเราก็ต้องเคารพเสียงส่วนใหญ่ แต่ก็อยากเห็นเสียงส่วนใหญ่มีมติอย่างมีเหตุผลตามหลักการ ถูกต้องและชอบธรรมด้วย
ต่อข้อถามว่า หากคนที่ถูกมองว่าเป็นตัวเต็งขณะนี้ มีการเชื่อมโยงกับกลุ่มการเมืองจะเป็นคำตอบว่าการเมืองเข้ามาครอบงำสภาสูงหรือไม่ นางอังคณา กล่าวว่า ก็ทำให้คิดได้ว่าคนที่ใกล้ชิดสนิทสนมกับพรรคการเมือง ชาวบ้านอดคิดไม่ได้ว่าน่าจะมีความเชื่อมโยงหรือความสัมพันธ์ในอนาคต แต่หากเป็นไปได้ คนที่เป็นอิสระหรือกลุ่มเล็กๆ หลายคนมีศักยภาพ หากเปิดโอกาสให้ก็สามารถทำงานได้