xs
xsm
sm
md
lg

สภาถกร่าง กม.ห้ามตีเด็ก “ครูมานิตย์” ติงยังเร็วไป ชี้ ทุกวันนี้การศึกษาล้มเหลว เพราะตีเด็กไม่ได้ “ครูจวง” โต้ ไม้เรียวสร้างคนไม่มีจริง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ส.ส.อดีตครู อภิปราย กม.ห้ามตีเด็ก “ครูมานิตย์” เห็นด้วย อยากให้ประเทศมีกฎหมายดูอินเตอร์ แต่ยังเร็วไป เชื่อทุกวันนี้การศึกษาล้มเหลว เพราะตีเด็กไม่ได้ เล่าสมัยเป็นครูทำโทษที ผู้ปกครองแห่มาถึงโรงเรียน ยกคำโบราณ “รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี” ถ้าไม่ได้ไม้เรียว ป่านนี้ไม่ใช่บัวพ้นน้ำ ด้าน “ครูจวง” โต้ ไม้เรียวสร้างคนไม่มีจริง เปรียบเทียบการตีเด็กเป็นมรดกบาป

เมื่อช่วงเย็นวันที่ 10 ก.ค. 2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม วาระพิจารณาร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1567(2) เกี่ยวกับการลงโทษเด็ก ที่เสนอโดย นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และคณะ เป็นผู้เสนอ ภายหลังเสนอหลักการ มี ส.ส. อภิปรายอย่างกว้างขวาง

นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ตนอยากเล่าเรื่องจริง ที่ตนเหนือกว่าคนอื่นในห้องนี้ เพราะตนเป็นครูและพ่อ การศึกษาไทยที่ล้มเหลวในปัจจุบันมีองค์ประกอบหลายอย่าง แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ล้มเหลว ในวันที่ตนเป็นครูชนบท เพราะเราตีเด็กไม่ได้

“ทำอะไรก็ไม่ได้ ผู้ปกครองตามไปด่า ตามไปว่าถึงโรงเรียน ผมตีเด็กครั้งสุดท้าย เด็กเรียกผมว่าครูเสือ เพราะตอนนั้นไว้หนวดไว้เครา เด็กผู้ชายขึ้นไปบนห้องน้ำส่องนักเรียนหญิง เด็กนักเรียนหญิงก็ร้องออกมา ก็เลยลงโทษด้วยการเฆี่ยนตี พ่อแม่มาโรงเรียนเลยครั้งนั้น เลยสาบานตัวเลยว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจะไม่ตีเด็ก มันเจ็บปวดมากครับ เพราะเด็กบ้านนอกเป็นครอบครัวที่แตกแยก เขาหวังอย่างเดียว ก็คือ ครูในการดูแล เมื่อครูไม่ใส่ใจ ไม่ทำตัวเป็นพ่อ ไม่อบรมลงโทษ มันก็ล้มเหลวมาจนถึงทุกวันนี้ นี่เป็นองค์ประกอบที่สำคัญ” นายครูมานิตย์ กล่าว

นายครูมานิตย์ ระบุอีกว่า ตอนตนเป็นคณะกรรมาธิการการศึกษา เคยเรียกร้องให้คืนไม้เรียวมาให้ครู เพราะที่นี่ประเทศไทย พร้อมย้ำว่า เรื่องการด้อยค่านี้มีกฎหมายรองรับอยู่แล้ว ตนเห็นด้วย และไม่ห้ามที่จะไม่ให้แก้กฎหมายฉบับนี้ เพื่อให้ประเทศไทยดูอินเตอร์ มีกฎหมายที่ทันสมัย แต่ตนก็ดูแล้ว ไปผูกพันกับหลายกระทรวง ต้องดูความรอบคอบ วันนี้ยังเร็วไปที่ไปแก้กฎหมาย ตนไม่อยากเห็นเด็กไทยขึ้นโรงพักแล้วไปแจ้งความพ่อแม่ เรื่องละเอียดอ่อนควรจะคิดและบูรณาการ

“รักวัวให้ผูกรักลูกให้ตี คำโบราณไทยที่ทำให้เราได้ดีมาจนถึงทุกวันนี้ เราถึงได้เป็นบัวพ้นน้ำขึ้นมา ไม่เช่นนั้น วันนี้ผมก็ยังจมน้ำอยู่ครับ เพราะเราก็ดื้อเอาการเหมือนกัน ท่านประธานก็ไม่เบาถ้าไปสืบประวัติมา แต่เราโดนครูสั่งสอน เพราะครูก็รักนักเรียนเหมือนลูก” นายครูมานิตย์ กล่าว

ด้าน นายปารมี ไวจงเจริญ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายสนับสนุนร่าง พ.ร.บ. โดยกล่าวว่า จากคำพูดของคนรุ่นเก่าที่บอกว่าถ้าตอนเป็นเด็กฉันถูกตี โตขึ้นมาจะเป็นคนดี หรือถ้าวันนี้ไม่ได้ถูกตีมาก่อนจะไม่เป็นผู้ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จ หรือไม้เรียวสร้างคน ประโยคเหล่านี้ไม่เป็นจริง การใช้ความรุนแรงล้วนทำให้เกิดรอยแผล เป็นปมในใจไปตลอดชีวิต

นายปารมี ระบุว่า ความรุนแรงในโรงเรียนมีสูงมาก เราเห็นข่าวนักเรียนตีกันทุกวัน รวมถึงด้อยค่า ดูถูกเหยียดหยามกันเอง ซึ่งปัญหาเหล่านี้ล้วนมีรากฐานมาจากครอบครัว ปัจจุบันเรามีกฎหมายสถานศึกษาตั้งแต่ปี 2548 ห้ามครูใช้ไม้เรียว ขณะเดียวกัน ฝั่งครอบครัวที่เป็นต้นน้ำของความรุนแรงยังมีการตีเด็กกันอยู่ ตนเห็นว่า กฎหมายนี้ควรประกาศใช้ได้แล้ว เพราะการตีเปรียบเสมือนการส่งมรดกบาป เราต้องยุติวงจรอุบาทว์ รวมถึงการตบตีกันในครอบครัวด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น