เมืองไทย 360 องศา
ต้องเรียกว่า เริ่มเข้าสู่ภาวะ “ไม่มั่นคง” มากขึ้นแล้วสำหรับ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี หลังจากโดนวิจารณ์การทำงานจากคนในพรรคเพื่อไทย อย่าง นายวรชัย เหมะ ที่เวลานี้เป็นที่ปรึกษาของรองนายกรัฐมนตรี คือ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
แม้ว่าพิจารณากันตามแบ็กราวด์แล้ว คนที่วิจารณ์ดังกล่าวยังนับว่าเป็น “ระดับปลายแถว” เท่านั้น ไม่ได้มีเพาเวอร์ในพรรคเพื่อไทย หรือมีความหมายกับเจ้าของพรรคเท่าใดนักก็ตาม แต่หากพิจารณากันในภาพรวมๆ มันก็พอสะท้อนให้เห็นถึงความไม่พอใจ และเริ่มมีอาการอึดอัดจากคนภายในพรรค ที่แสดงออกมาให้สังคมภายนอกได้เห็น
ขณะเดียวกันพิจารณากันตามความเป็นจริงแล้ว ก็ต้องยอมรับว่า ผลงานของรัฐบาลที่ผ่านมาเกือบหนึ่งปีแล้ว ยังไม่เข้าเป้า เรียกว่ายังไม่ปัง จนหลายคนเริ่มกล่าวว่า “ไม่สมราคาคุย” ก็แล้วกัน
เสียงวิจารณ์แบบ “เยาะเย้ย” จากสังคมภายนอก ในโลกโซเชียลฯมีคลิปดูถูกเหยียดหยามมากมาย คนที่โดนหนักๆ ก็มี “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ในเรื่อง “ปิดสวิตช์สามป. ปิดสวิตช์ส.ว. มีกิน มีใช้ฯ ” อะไรประมาณนั้น สำหรับนายเศรษฐา ทวีสิน ก็ย้อนคำพูดในเรื่อง “การเติมเงินให้ครบสองหมื่นบาทให้ครบทุกเดือน” เป็นต้น และยังมีเรื่องการสำรวจเรื่องค่าครองชีพ การทำมาค้าขาย ที่มีแต่เสียงบ่นว่าเงียบเหงากำลังเจ๊ง อะไรประมาณนี้
แน่นอนว่า บางครั้งมันมีแง่มุมทางการเมือง แต่อย่างน้อยมันก็ย่อมสะท้อนออกมาตามความเป็นจริงเหมือนกัน หลังจากที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยได้บริหารประเทศมานานเกือบปีแล้ว ข้ออ้างหรือการกล่าวโทษรัฐบาลก่อน มันเริ่มไม่มีน้ำหนัก
ดังนั้น การที่ นายวรชัย เหมะ ออกมาวิจารณ์นายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน ทำนองว่า “ให้หยุดตะบี้ตะบันลงพื้นที่ เลิกไปต่างประเทศ แล้วหันมาอยู่ทำเนียบฯ ประชุมแก้ปัญหาอย่างจริงจัง” นั้น ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากแรงกดดันที่ส่งผ่านมาจากภายนอก รวมไปถึงเสียงสะท้อนที่มาจากภายในพรรค ที่ก่อนหน้านี้เริ่มมีเสียงบ่นออกมาให้ได้ยิน ทำนองว่า เข้าถึงยาก หรือไม่สนใจส.ส.จนต้องมีการประชุมเคลียร์ใจกันไปรอบหนึ่งแล้ว เมื่อหลายเดือนก่อน
ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน เมื่อมีเสียงวิจารณ์แบบตรงๆ ทำนองว่า “ไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน” มันก็น่าหนักใจเหมือนกัน และไม่ใช่เรื่องแปลก ที่ต้องมีเสียงบ่นออกมา เพราะหากพิจารณาจากผลโพลที่ออกมาต่อเนื่องสะท้อนความนิยมทั้งต่อตัว นายกรัฐมนตรี รัฐบาล และพรรคเพื่อไทย ล้วนถดถอยอยู่ทุกวัน ตามหลังพรรคคู่แข่ง อย่างพรรคก้าวไกลหลายช่วงตัว ยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นได้ง่ายๆ
ขณะที่คำชี้แจงของ นายเศรษฐา ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี วันที่ 9 กรกฎาคม ถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลที่จะครบรอบหนึ่งปีในเดือนสิงหาคมนี้ แม้จะเห็นถึงความตั้งใจแต่ยังไม่เห็นผลงานที่เป็นรูปธรรมว่า ส่วนตัวคิดว่าเรื่องการสื่อสารที่ชัดเจนเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งเป็นไปอย่างที่ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมารัฐบาลทำงานมากพอสมควร ในหลายๆ โครงการและทุกกระทรวงก็ทำงานหนัก อีกทั้งการลงทุนจากต่างประเทศ การเพิ่มราคาสินค้าเกษตร การพักหนี้เกษตรกร การดูแลพืชหลักพืชรอง การเพิ่มศักยภาพการศึกษาให้เยาวชน การเพิ่มค่าแรง กฎหมายสมรสเท่าเทียม ยกระดับบัตร 30 บาทรักษาทุกโรค รวมถึงนโยบายปราบปรามยาเสพติด ซึ่งมีหลายมิติที่เราพยายามทำอยู่ และจะเร่งดูแลเรื่องการศึกษาให้มีศักยภาพเพิ่มมากขึ้น
เมื่อถามว่านอกจากเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากฝ่ายตรงข้ามแต่ก็ยังมีคนในจากพรรคเพื่อไทย ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลเช่นเดียวกัน จะมีการทำความเข้าใจเรื่องนี้อย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่าในสังคมที่เป็นประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นคนของพรรคเดียวกัน พรรครวมรัฐบาล หรือพรรคฝ่ายค้าน อาจจะอึดอัดใจหรือไม่เข้าใจ หรือมีการสื่อสารที่ไม่ดีพอ รัฐบาลนี้ก็ต้องรับฟัง หรือแม้จะเป็นคำติจากพรรคร่วมเดียวกัน เราก็ต้องรับฟังและพยายาม อะไรที่เป็นคำติที่เหมาะสม สมควรที่จะต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเราก็ต้องทำ หากเป็นเรื่องที่เราทำอยู่แล้ว หากยังมีการสื่อสารไม่ดีเราก็พร้อมที่จะชี้แจงในเวทีที่เหมาะสม
แต่ที่น่าจับตาก็คือ นายกรัฐมนตรี ได้เข้าร่วมประชุมพรรคเพื่อไทย ในตอนเย็นวันที่ 9 กรกฎาคม หลังจากเว้นช่วงมาพักหนึ่งแล้ว
ขณะที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ต้องออกมาเบรก นายวรชัย ให้หยุดพูด เพราะคิดว่าจะทำให้เกิดปัญหาบานปลาย สร้างผลกระทบทางลบต่อ พรรคเพื่อไทยและรัฐบาล โดยอ้างว่า นายวรชัย ได้รับข้อมูลจากการลงพื้นที่มา ก็ควรที่จะนำมาสะท้อนความเห็นภายในพรรค ไม่ใช่ตอบโต้กันไปมาผ่านสื่อมวลชนลักษณะนี้ ไม่สร้างสรรค์ เพราะบางทีข้อมูลที่นายวรชัยได้มา อาจจะไม่ครบถ้วนรอบด้าน ส่วนตัวเห็นว่า หากทุกฝ่ายทำใจให้สงบ ไม่ยึดอัตตาตัวเอง มานั่งคุยกัน ก็จะเข้าใจกันได้ง่ายขึ้น
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่อยากให้เรื่องนี้ยืดเยื้อ จึงได้โทรศัพท์พูดคุยกับเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช คงจบแล้ว ขณะที่ นายวรชัย ควรยุติได้แล้ว หากเป็นตนเองคงหยุดไปแล้ว เพราะหากตอบโต้ผ่านสื่อมวลชนกันไปมา จะถูกมองว่าเป็นการทำงานที่ไม่มีวุฒิภาวะพอ
ส่วนการทำงานที่จะครบ 1 ปีรัฐบาลในเดือนสิงหาคมนี้ และ คนบางส่วนยังมองว่า การทำงานของนายกรัฐมนตรี ทำได้ดีแต่ไม่มีผลงานนั้น นายภูมิธรรม มองว่า นายกรัฐมนตรีทำงานหนัก แต่สิ่งที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะปัญหาเศรษฐกิจที่สั่งสมมานาน ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้ใช้ความพยายามเต็มที่สามารถคลี่คลายได้หลายส่วน แต่สิ่งที่กำลังดำเนินการ เป็นการแก้ปัญหาที่ต้นตอจึงต้องใช้เวลา
แน่นอนว่าจนถึงตอนนี้มั่นใจว่าคงต้อง “ถูกบังคับให้หยุด” แน่นอน เพราะระดับของ นายวรชัย เหมะ ในพรรคเพื่อไทยถือว่าเป็นแค่ระดับปลายแถว ไม่มีพาวเวอร์ในตัวเองอยู่แล้ว แต่การออกมาพูดแบบนี้มันก็เหมือนกับถูกแรงกดดันจากภายนอก และเหมือนกับพยายามพูดแทนใจสมาชิกพรรคหลายคน
ขณะเดียวกัน คำพูดดังกล่าวมันได้สะท้อนให้เห็นถึงผลงานของ รัฐบาล นายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทยที่ยังไม่เข้าเป้า หรือภาษาสมัยใหม่ที่ว่า “ไม่จึ้ง” นั่นแหละ แต่อีกด้านหนึ่งมันก็เหมือนกับการส่งสัญญาณบางอย่างไปถึง นายเศรษฐา ทวีสิน ที่เป็นตัวแทนของพรรค เพราะหากยังไม่อาจสร้างความประทับใจได้โดยเร็ว มันก็เสี่ยงกลายเป็น “แพะ” ถูกบูชายัญตัดตอนไปก่อนก็เป็นได้!!