รมว.สธ.ยืนยันดึงกัญชากลับยาเสพติด เป็นความต้องการประชาชน ปัดเอื้อนายทุน อ้างฝ่ายคัดค้านต้องการใช้เพื่อสันทนาการ ไม่ให้ความสำคัญเรื่องอื่น ยันยังใช้รักษาโรคได้ แต่ต้องให้แพทย์สั่ง หากรัฐบาลหน้าต้องการปลดจากยาเสพติด ก็ทำได้ เชื่อไม่ขัดแย้งกับภูมิใจไทย
วันนี้ (9 ก.ค.) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีการนำกัญชากลับมาเป็นยาเสพติดว่า ขั้นตอนขณะนี้อยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ซึ่งจะครบกำหนด 11 กรกฎาคมนี้ และจะต้องรอรับฟังความเห็นจากประชาชน เนื่องจากการจะนำกัญชากลับมาเป็นสารเสพติดประเภท 5 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สามารถออกประกาศได้ โดยผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ซึ่งคาดว่า คณะกรรมการ ป.ป.ส.จะมีการประชุมในช่วงปลายเดือนนี้ หากมีมติเห็นชอบให้เป็นยาเสพติดตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอก็จะต้องมีการออกประกาศ และกฎกระทรวงรองรับ รวม 4 ฉบับ ทั้งการใช้ การปลูก และรายละเอียดต่างๆ ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีรับทราบ
“สำหรับการประกาศยาเสพติดประเภท 5 ไม่ต้องเข้า ครม. ให้รัฐมนตรีประกาศได้เลย ส่วนทำไมไม่ต้องเข้า ครม. เพราะเรื่องยาเสพติดมีอันตราย มีความเกี่ยวข้องกับผู้คน กฎหมายจึงเขียนให้กระทำโดยเร็ว ไม่ใช่ปล่อยเอ้อระเหยลอยชาย ไป 3 ปี 4 ปี ก็เหมือนขับรถลงเขาแล้วปล่อยเกียร์ว่างลงมา มันก็ไม่รู้อันตรายจะเกิดขึ้นอย่างไร” นายสมศักดิ์ กล่าว
ส่วนกรณีที่มีผู้ชุมนุมคัดค้านการทำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด และมีการพาดพิงว่า การที่ต้องการกลับไปเป็นยาเสพติดเพื่อต้องการเอื้อให้กับนายทุน และมีนายใหญ่สั่งการนั้น นายสมศักดิ์ ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง ปัญหาดังกล่าวเป็นเรื่องของประชาชนในภาพรวม ซึ่งกลุ่มผู้คัดค้านนั้น ตนเคยไปพบด้วยแล้ว และทราบว่า ต้องการให้กัญชาสามารถนำไปใช้ในการนันทนาการ โดยไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องอื่น ซึ่งไม่สามารถทำได้ และข้อมูลจากการทำประชาพิจารณ์ ประชาชนผู้สนับสนุนให้นำกลับไปเป็นยาเสพติดด้วย แต่สำหรับการใช้ประโยชน์กัญชาทางการแพทย์ เพื่อรักษาโรคนั้น ยังสามารถทำได้ โดยแพทย์จะเป็นผู้สั่ง
นายสมศักดิ์ ยังยืนยันว่า ไม่ได้มีการปิดกั้นกัญชา เป็นยาเสพติดตลอดไป หากโอกาสหน้า หรือรัฐบาลหน้า ต้องการเปลี่ยนแปลง ประชาชนก็สามารถเสนอกฎหมาย หรือ ส.ส.เสนอกฎหมายได้ แต่รัฐบาลชุดนี้ รับผิดชอบ และมองเห็นผลเสีย มากกว่าผลดีต่อประชาชน
ส่วนการนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดเป็นการหักต่อพรรคภูมิใจไทยหรือไม่นั้น นายสมศักดิ์ มั่นใจว่า จะไม่กระทบพรรคภูมิใจไทย และเชื่อว่า ต่างคนต่างเข้าใจ เพราะมีเวลาจำกัด และเป็นควมเห็นของประชาชนโดยส่วนใหญ่ และตนไม่ได้ไปขัดแย้ง ซึ่งตนก็เคยเอาใจช่วยมาตั้งแต่แรกแล้ว แต่กฎหมายไม่สามารถพิจารณาได้ทัน ดังนั้น ก็จะต้องรับผิดชอบต่อสังคม