ผู้สมัคร ส.ว.ร้องศาลปกครอง สั่ง กกต.ระงับประกาศรับรอง ส.ว. อ้างมีฮั้วลงคะแนน และ กกต.รู้ก่อนเลือกระดับประเทศ 2 วัน แต่ไม่แก้ไข
วันนี้ (8 ก.ค.) นายจักรพงษ์ คงปัญญา ผู้สมัคร ส.ว.กลุ่ม 12 อุตสาหกรรม ยื่นคำร้องขอให้ศาลปกครองเพิกถอนคำสั่งของผู้อำนวยการเลือก ส.ว.ระดับประเทศ ที่ได้มีคำสั่งรับรองรายชื่อบุคคลที่ผ่านการลงคะแนนรอบแรก และเพิกถอนรายชื่อบุคคลที่ผ่านการคัดเลือกในรอบที่สอง หรือเลือกไขว้ และขอไต่สวนฉุกเฉินเพื่อคุ้มครองชั่วคราว ไม่ให้ กกต.ประกาศรับรอง ส.ว.
นายจักรพงษ์ กล่าวว่า เนื่องจากมีกระบวนการเลือกถ้าศาลสั่งให้เพิกถอนรายชื่อในการเลือกระดับประเทศรอบแรก และรอบสองแล้ว การประกาศรับรองไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะจะเป็นโมฆะอยู่ดี ดังนั้น หากวันนี้ กกต.จะประกาศรับรองผลการเลือก ส.ว.ก็ต้องรอคำสั่งศาลปกครองก่อนว่าจะสามารถประกาศได้หรือไม่ ถ้าประกาศไปแล้วมีคำสั่งเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งที่อาจกระทบกันอาจมีปัญหาได้
“ฉะนั้น ต้องฟังกระบวนการยุติธรรม ว่า จะตัดสินออกมาอย่างไร การขอคุ้มครองชั่วคราวมีผลอย่างไร และประเด็นที่ 1 หรือ 2 ที่ฟ้องจะมีผลออกมาอย่างไร เรื่องนี้ไม่ต้องรีบมาก ทางสภายังมีผู้ทำงานอยู่ และรัฐธรรมนูญก็ได้เขียนไว้อย่างชัดเจน วุฒิสภาชุดเดิมก็ยังทำหน้าที่ต่อจนกว่าจะได้ ส.ว.ชุดใหม่ที่เรียบร้อย มาจากผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ในสาขาอาชีพ 20 กลุ่มอาชีพ การเลือกเป็นไปด้วยความสุจริต เที่ยงธรรม ให้ได้คนดี มีคุณธรรม ความรู้ ความสามารถไปทำหน้าที่ในสภาสูง”
เมื่อถามถึงเหตุผลที่ร้องให้ศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว นายจักรพงษ์ กล่าวว่า ถ้ามีการประกาศไป การประกาศของ กกต.จะสร้างผลกระทบให้กับสังคม เนื่องจากมีข้อโต้แย้งและร้องเรียนเข้ามาสู่ กกต. และเป็นข้อโต้แย้งในสังคมว่าเราเลือก ส.ว.ได้ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 107 ที่กำหนดให้ ส.ว.ต้องมีความรู้ ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ตามกลุ่มอาชีพที่สมัครอย่างน้อย 10 ปี หรือไม่ และกระบวนการเลือกที่มีมาตั้งแต่ระดับอำเภอและระดับจังหวัด มาถึงประดับประเทศ มีการดำเนินการด้วยความสุจริต โปร่งใส เที่ยงธรรม หรือไม่ ถ้า กกต.ทำแล้วไม่มีการคัดค้านอะไรสังคมก็ยอมรับ แต่วันนี้ไม่ใช่ มีผู้คัดค้านมาก กกต.ก็แจ้งมาแล้วว่า 614 เรื่อง และ นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ก็ออกมายอมรับเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. ก่อนวันเลือกระดับประเทศเพียง 2 วัน ว่า มีกระบวนการฮั้วจริง และเป็นผู้มีอำนาจ มีเงิน มีความรู้ สื่อก็นำไปนำเสนอ จึงเป็นการพิสูจน์แล้วว่าในกระบวนการที่เกิดขึ้นมีเรื่องไม่ปกติเกิดขึ้นจริง และ กกต.ก็รับรู้รับทราบ เมื่อ กกต.รับรู้รับทราบแล้ว ก็ไม่ได้ดำเนินการยับยั้ง และในวันที่ 26 มิ.ย.ก็ยังปล่อยให้มีการเลือก ส.ว.ระดับประเทศตามปกติ มีการแถลงข่าวให้เอาเอกสารสำคัญที่มีการจดโพยเข้าไปในสถานที่เลือก จึงเกิดปรากฏการณ์มีการยิงคะแนนเป็นชุดๆ ซ้ำกัน จนกระทั่งหลายคนแปลกใจว่าบุคคลเหล่านั้นมีความรู้ความเชี่ยวชาญหรือไม่ หลังจากที่เลือกไปแล้ว หลายคนเป็นที่สงสัยของสังคมที่ได้คะแนนกันมากๆ เกาะกลุ่มกันมากๆ เรื่องนี้ตนเรียกร้องให้ กกต.ตรวจสอบเมื่อวันที่ 28 มิ.ย. แต่จนถึงวันนี้ กกต.ไม่เคยเรียกชี้แจง ทั้งที่มาตรา 59 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือก ส.ว. เมื่อมีเรื่อง กกต.ต้องทำการสืบสวนสอบสวนและหาสาเหตุ เพื่อทำการแก้ไขระบบ แล้วถึงจะดำเนินการต่อไปเพื่อจะรับรองรายชื่อ
“แต่นี่ กกต.ไม่ได้ตรวจสอบ ไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่ได้เรียกผม หรือหลายคนก็ไม่ถูกเรียก แสดงว่า กกต.กำลังเพิกเฉยการตรวจสอบ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส ส่วนหนึ่งเราก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นในสังคม ดังนั้น กกต.ก็ไม่ควรต้องรีบร้อน เพราะไม่มีผลกระทบอะไรมาก ที่จะรับรองรายชื่อ กกต.ต้องนั่งทบทวนก่อนว่าเกิดอะไรขึ้นในระบบการเลือก แล้วกฎหมายให้อำนาจ กกต.ไว้ แล้วหาก กกต.ไม่ทำก่อนที่จะประกาศรายชื่อ กกต.ก็น่าจะมีปัญหา”
นายจักรพงษ์ ยังกล่าวว่า จากนี้จะไปยื่นให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบการทำหน้าที่ของ กกต.ตามมาตรา 157 และจะไปยื่นที่วุฒิสภาเพื่อถอดถอน กกต.ชุดนี้ ที่ดำเนินการขัดกฎหมายเลือก ส.ว.และรัฐธรรมนูญ
