วันนี้(7 ก.ค.)รองศาสตราจารย์.ดร.นายแพทย์ ธวัชชัย กมลธรรม อดีตอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ให้ความเห็นการนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ว่า
รัฐบาลที่แล้วปลดล็อก มีข้อมูลมากมายสนับสนุน ผ่านมา 2-3 ปี เอากลับไปเป็นยาเสพติดอีกแล้ว สรุปคือ นโยบายรัฐไทย ลักปิดลักเปิด มีความไม่แน่นอนสูง ขึ้นกับการเมืองอยากให้เป็น ไม่สนใจนักลงทุน ไทยทำแบบนี้ ก็เหมือนตัวตลก นานาชาติหัวเราะเยาะ กัญชา ยาสมุนไพร มันควรจะใช้เป็นโอกาสทั้งการแพทย์ และเศรษฐกิจ ไม่ใช่เอาเข้า เอาออก ตามใจฉัน แบบนี้มั่วกันไปหมด
จากการวิเคราะห์ เมื่อมีการนำกลับเข้าสู่บัญชียาเสพดิดจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกัญชาดังนี้ เสียงสะท้อนจากผู้ลงทุน อุตสาหกรรมกัญชากัญชงว่าเกิดความเสียหายอย่างน้อยไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านบาท จากที่มีการลงทุนไปกับธุรกิจกัญชา ในช่วง 2 ปีที่มีการปลดล็อกกัญชาจากยาเสพติด กระทบทั้งกลุ่มต้นน้ำ ประชาชนกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกกัญชาที่บางคน โค่นพืชชนิดอื่นและมาปลูกกัญชา โดยมีการนำทุนมาสร้างโรงเรือนที่ปลูกให้ได้มาตรฐาน กลุ่มกลางน้ำที่เป็นโรงงานสารสกัดกัญชากัญซง ซึ่งปัจจุบัน โรงงานสกัดที่มีใบอนุญาต 40 แห่ง ลงทุนโรงละไม่ต่ำกว่า 5-10 ล้าน ผลกระทบ หลักคือการสูญเสียรายได้และการหยุดชะงักของตลาดงาน ธุรกิจกัญชาโดยตรง คือ Dispensary ฟาร์มเพาะปลูก และสถานที่แปรรูปต่าง ๆ ต้องปิดตัวลง ซึ่งนำไปสู่การสูญเสียรายได้อย่างมีนัยสำคัญและการเลิกจ้างพนักงานจำนวนมาก และ ธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ ผู้ผลิตเครื่องสำอาง อาหาร ผู้แปรรูป นักวิจัย นักพัฒนาผลิตภัณฑ์ และอื่น ๆ
ค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติตามข้อกำหนด ธุรกิจในอุตสาหกรรมสัมผัส เช่นคลินิก ร้านอาหารหรือเจ้าของบ้านที่ให้เช่าธุรกิจกัญชา อาจต้องเผชิญกับกฎระเบียบหรือการตรวจสอบที่เข้มงวดมากขึ้น ซึ่งนำไปสู่ค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่สูงขึ้น ค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติตามข้อกำหนด ธุรกิจในอุตสาหกรรมสัมผัส เช่น คลินิก ร้านอาหารหรือเจ้าของบ้านที่ให้เช่าธุรกิจกัญชา อาจต้องเผชิญกับกฎระเบียบหรือการตรวจสอบที่เข้มงวดมากขึ้น ซึ่งนำไปสู่ค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่สูงขึ้นการเปลี่ยนแปลงของตลาดนี้อาจนำไปสู่การบูมของกัญชาในตลาดมืด การหวนกลับไปสู่การฟื้นฟูตลาดกัญชาที่ผิดกฎหมาย เนื่องจากเราได้สร้างตลาดผู้ใช้กัญชา ผู้ปลูก ผู้ผลิตที่มีความเชี่ยวชาญเป็นจำนวนมากแล้ว ที่ต้องหาลู่ทางการใช้ สร้างอาญชากรรมใต้ดิน นอกเหนือจากผลกระทบโดยตรง กฎระเบียบที่เพิ่มขึ้นและความไม่แน่นอนของการบังคับใช้ ยังนำไปสู่ความเสียหายต่อชื่อเสียงของรัฐเองที่สร้างความสับสนทั้งต่อผู้ที่ต้องการใช้อย่างถูกกฎหมายทางการแพทย์เอง หรือ นักท่องเที่ยวต่างประเทศที่ตามข่าวไม่ทันทางออกที่ดีกว่า
ดังนั้น ก็ควรคุมให้เหมาะสม ระวังไม่ให้เข้าถึงเด็ก สังเกตดู เวลาไปจับยาเสพติด พวกที่ใช้เฮโรอีน ยาบ้า พอจับได้ ไปบอกว่าใช้กัญชา แล้วก็ไปตีข่าวกันไปแบบนั้น แต่ความจริงมันไม่ใช่เลย ซึ่งสิ่งที่ตามมาคือกัญชา ถูกด้อยค่า ถูกทำลาย ถูกทำให้กลายเป็นผู้ร้ายไปแล้ว
สำหรับธุรกิจที่เกี่ยวข้อง แม้จะบอกว่า ใช้กัญชาทางการแพทย์ได้ ใช้ทางเศรษฐกิจได้ แต่เมื่อไปเป็นยาเสพติด จะมีความวุ่ยวาย ที่จะเป็นภาระของผู้ประกอบการ จนไม่มีใครอยากมาลงทุน ดังนี้
1 การวางแผนการตลาด และกลุ่มลูกค้า การจำกัดการใช้สันทนาการจะทำให้ฐานลูกค้าจำกัดเพียงผู้ใช้ทางการแพทย์เท่านั้น ซึ่งเป็นการลดขนาดของผู้ใช้ นำไปสู่ลดขนาดผู้ปลูก ผู้แปรรูป และมีการตรวจสอบและกฎระเบียบที่เพิ่มขึ้น ธุรกิจกัญชาทางการแพทย์จำต้องคำนึงถึงประโยชน์ทางการแพทย์ของกัญชา ผ่านการรักษาที่มีคุณภาพสูงและมีหลักฐานรองรับ วาง positioning ของธุรกิจเป็นผู้ให้บริการกัญชาทางการแพทย์ชั้นนำ สร้างมาตรฐานการรักษาที่ดี น่าเชื่อถือ มีการขยายบริการทางการแพทย์ พัฒนากิจกรรมพิเศษสำหรับกลุ่มลูกค้าเฉพาะกลุ่มมากขึ้นเพื่อดึงคุณสมบัติของกัญชาที่หลากหลายให้ชัดเจน อาทิ การจัดการความเจ็บปวดเรื้อรัง มะเร็ง การนอนไม่หลับ สุขภาพจิต และภาวะอื่น ๆ ที่ได้รับการสนับสนุนจากการวิจัยที่ชัดเจนเสริมกิจกรรมให้ความรู้ เสนอโปรแกรมการศึกษาเพื่อให้ข้อมูลแก่สาธารณชนและลูกค้าที่มีศักยภาพเกี่ยวกับประโยชน์ทางการแพทย์ของกัญชา เพื่อต่อต้านความเข้าใจผิดใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้กัญชา
2) การปฏิบัติตามกฎระเบียบ ร่วมมือกับหน่วยงาน ทำงานใกล้ชิดกับหน่วยงานกำกับดูแลเพื่ออัพเดตการเปลี่ยนแปลงกฎหมายและแสดงความมุ่งมั่นต่อมาตรฐานทางกฎหมายและจริยธรรม สร้างเครือข่ายกัญชาทางการแพทย์ที่แข็งแรง เข้าร่วมในสมาคมอุตสาหกรรมและกลุ่มสนับสนุนเพื่อมีอิทธิพลต่อการกำหนดนโยบายที่สนับสนุนกัญชาทางการแพทย์ สนับสนุนกฎระเบียบที่ชัดเจนและยุติธรรมที่สนับสนุนการเติบโตของธุรกิจขณะที่รับประกันความปลอดภัยของผู้ป่วย
3) มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพ การวิจัย และ innovation ร่วมมือกับสถาบันทางการศึกษาพัฒนาการวิจัยที่หลากหลาย ในกลุ่มโรคและอาการ และจำนวนผู้ร่วมวิจัย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่สาธารณชน
โดยสรุปไม่ว่ากัญชาจะเป็นยาเสพติดหรือไม่ การแพทย์และธุรกิจก็ต้องดำเนินการต่อไปอย่างมั่นคง มีมาตรฐานสูงและปกป้องการนำไปใช้ในทางที่ผิดกับเด็กและเยาวชน อย่างไรก็ดี บุหรี่ ยาบ้า ไม่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์เลย ขณะที่กัญชามี และสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดได้มากมายถ้าไม่ถูกนำไปจองจำไว้อีก