วันนี้ (5 ก.ค.)น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทย และ โฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย พร้อมพล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ลงพื้นที่เพื่อปฏิบัติภารกิจในจังหวัดชายแดนใต้ โดยมีผู้บริหารระดับสูงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมในคณะ
สำหรับการร่วมกันลงพื้นที่ของผู้บริหารสูงสุดของ 3 หน่วยงานครั้งนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้ ผ่านการพัฒนาและยกระดับการศึกษาในพื้นที่ ให้นักเรียนไทยมุสลิมพื้นที่ได้รับมีโอกาสและบริการทางการศึกษาที่ครบถ้วน สอดคล้องกับทั้งวิถีชีวิตในท้องถิ่น ได้รับความรู้ทั้งสายสามัญและด้านศาสนาอย่างถูกต้อง นักเรียนได้รับการได้รับการพัฒนาความคิด ทัศนคติที่สามารถอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างสันติสุข ประการสำคัญคือได้รับการศึกษาในหลักสูตรที่เป็นมาตรฐาน เมื่อเรียนจบสามารถต่อยอดสู่ระดับที่สูงขึ้น เข้าสู่ตลาดการทำงาน สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตได้อย่างยั่งยืน
เวลา 13.00 น. นายอนุทิน พร้อมคณะ เดินทางไปยังศูนย์ขับเคลื่อนการศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศค.จชต.) อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เพื่อเป็นประธานในพิธีมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้และร่วมกันมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาให้แก่ทายาทครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้เสียชีวิตฯ จำนวน 48 ครอบครัว พร้อมกับให้กำลังใจทายาทครูและบุคลากรทางการศึกษาที่มาร่วมในงาน
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า การมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาฯ ครั้งนี้ จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 6 ซึ่งได้มอบเงินช่วยเหลือแก่ 48 ครอบครัว ครอบคลุมผู้ได้รับผลกระทบ 190 ราย เป็นเงิน 129.10 ล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมกับการมอบใน 5 ครั้งที่ผ่านมา ทำให้ถึงปัจจุบันมีผู้ได้รับเงินช่วยเหลือแล้ว 140 ครอบครัว รวมเป็นเงิน 373.23 ล้านบาท ซึ่งช่วยเหลือเยียวยาฯ นี้ สืบเนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ในอดีตได้สร้างความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินให้กับทุกกลุ่มอาชีพ รวมถึงอาชีพครู ส่งผลต่อความความยากลำบากในการเดินทางปฏิบัติหน้าที่ ขวัญกำลังใจในชีวิตประจำวัน และกระทบต่อการศึกษาของเยาวชนในพื้นที่
กระทรวงศึกษาธิการจึงได้ขอรับการช่วยเหลือเยียวยาครูและบุคลากรผู้เสียชีวิต ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) จึงได้มีมติ ให้กระทรวงศึกษาธิการจัดงบประมาณในการช่วยเหลือในเรื่องนี้โดยให้มีผลย้อนหลังให้ครอบคลุมผู้เสียชีวิตตั้งแต่ 1 ม.ค. 47 โดยให้การช่วยเหลือเยียวยารายละไม่เกิน 4 ล้านบาท รวมทั้งจัดให้มีสวัสดิการด้านอื่นๆ ให้ได้มาตรฐานใกล้เคียงกับส่วนราชการอื่นๆ ด้วย