รองหัวหน้า ปชป. เตือน ไทยวิกฤตหนัก เด็กหลุดจากการศึกษาทะลุ 1 ล้านคน ไปแล้ว บี้ผู้นำเร่งพัฒนาคนอย่างจริงจัง หวั่นสู้เขาไม่ได้
วันนี้ (4 ก.ค.) นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กทม. โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงความวิกฤตเกี่ยวกับการศึกษาไทย ใจความว่า “วิกฤตแล้ว! ตื่นเถิด คนไทย” เมื่อ เด็กไทย “หลุดจากโรงเรียน” ทะลุ 1 ล้าน
เราจะช่วยกันอย่างไรดี? สถิตินี้น่ากลัวมาก ทั้งที่มีเด็ก “เกิดน้อยลง” คือ “วิกฤต” ที่สุดแล้ว แต่ “ผู้นำ” ยังละเลย ทั้งที่เป็นเรื่องที่น่าอันตราย ต่ออนาคตประเทศไทยอย่างที่สุดแล้ว มันจะส่งผลอย่างไรบ้าง ต่อประเทศไทยและสังคมไทย
1. “ที่นั่งในมหาวิทยาลัย จะยิ่งว่างมากขึ้น” เพราะเราส่งเด็กไทย “ไปไม่ถึง” ชั้นมหาวิทยาลัย ถือเป็น “ความสูญเสีย” ทั้งเสียโอกาสในการเสริมศักยภาพ “คนรุ่นใหม่” และ เสียโอกาส “การลงทุน” ที่รัฐทุ่มไปกับการพัฒนามหาวิทยาลัยทุกปีๆ แต่มีเด็กเรียนน้อยลง ขณะที่ เกาหลีใต้ สิงคโปร์ มุ่งเป้าส่งเด็ก เรียนไปถึงมหาวิทยาลัย ได้เกือบ 100%
มาเลเซียก็ประกาศ ส่งเด็กเรียน ให้ถึงมหาวิทยาลัย อย่างน้อย 70% ขณะที่ประเทศไทยอาจมีเพียง 30% เท่านั้น! แบบนี้ ยิ่งนานวัน นอกจากไทย “แข่งขันไม่ได้” ยังต้องเกิดเป็นภาระในการดูแล “พลเมืองด้อยโอกาส ข้ามรุ่น” ซึ่งถือว่า น่ากลัวมาก
2. “แรงงานทักษะต่ำเพิ่ม แรงงานทักษะสูงลด” ส่งผลกระทบต่อ “เศรษฐกิจไทย” รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ ยิ่งกว่า “สึนามิ” เพราะโลกยุคดิสรัปชัน ไม่ได้แข่งที่ “ทำของถูก” ไม่ได้แข่งกันที่ “ภาคการผลิตของพื้นๆ ง่ายๆ” เท่านั้น แต่แข่งกันที่ “สินค้ามูลค่าสูง” ที่ต้องใช้แรงงานทักษะระดับปัญญา มาเอาชนะกัน
ทุกวันนี้ ประเทศไทย “ตกหลุมลึก” เรื่องการยกระดับทักษะพลเมือง การทำ “Upskill” “Reskill” เป็นเพียง “วาทกรรม” ให้มาผลาญงบประมาณ หาก “ผู้นำ” ไม่ลงไปกำกับจริงจัง อาจทำให้ “อนาคตไทย หมดสภาพการแข่งขัน” น่าห่วงที่สุด
3. “ปัญหาสังคมทุกเรื่อง กำลังตามมา” เด็กไทย อยู่ในวัยเยาว์จนถึงวัยรุ่น ออกจากโรงเรียนก่อนเวลา ขาดการดูแล ทำให้สังคมไทยต้องเผชิญปัญหา “แม่วัยใส” “เด็กติดยาเสพติด” “เด็กติดการพนัน” และ “สุขภาพทรุดโทรม” เร็วกว่าคนที่มีความรู้มากกว่า ปัญหาสังคมจากพลเมืองไม่มีความรู้ หรือเรียนน้อย จะเป็นปัญหาที่รัฐ ต้องมาตามแก้ไม่รู้จบ อันตรายมาก
สาเหตุการ “ออกจากโรงเรียน” มีหลายสาเหตุ ที่ต้องมาคิดวิเคราะห์ ด้วย “ข้อมูลรอบด้าน” แม้ว่าสาเหตุใหญ่ อาจจะมาจาก “ความยากจน” แต่ก็มีอีกหลายปัจจัย รุมเร้า เร่งให้ผู้ปกครอง “ยอมแพ้” ไม่สู้ ไม่ส่งลูกเรียนต่อ
“ผู้นำ” จึงต้องทำจริงจังเรื่อง “การพัฒนาคน” ให้เป็นเรื่องเร่งด่วนที่สุด อย่าเพิกเฉย ปล่อยปัญหาให้หนักหนา ไม่เช่นนั้น ไม่นาน ไทยเราอาจซบเซา สู้เขาไม่ได้ น่าเสียดายครับ