เลขาฯ ก้าวหน้า หนุน กกต.เร่งประกาศรับรองผลเลือก ส.ว.ก่อน แล้วค่อยสอยทีหลัง ซัด คนหวังโมฆะทั้งระบบ ฝันเกินไป จี้ ถึงเวลาแล้วที่ไทยควรเหลือสภาเดี่ยว เหตุลองมา 90 ปี ก็ยังไม่ตอบโจทย์
วันนี้ (3 ก.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่รัฐสภา นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า กล่าวถึงการเลือก ส.ว.ว่า ผลที่ออกมาแปลกประหลาดมาก และเห็นว่า หากมีปัญหาเช่นนี้ คือ ไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ที่อยากได้ ส.ว. ที่มาจากหลากหลายอาชีพ ก็ถึงเวลาที่ควรคิดทบทวนว่าควรออกแบบที่มา ส.ว.อย่างไร และเป็นไปได้หรือไม่ ที่ควรจะเหลือสภาผู้แทนราษฎรเพียงสภาเดียว แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเลือกมาแล้ว เห็นว่า แม้มีการร้องเรียนเรื่องคุณสมบัติจำนวนมาก แต่ก็เป็นเรื่องของตัวบุคคล ดังนั้น การที่จะนำไปสู่โมฆะทั้งระบบ คงเป็นไปไม่ได้ และใครที่คิดฝันว่า อยากให้ ส.ว. 250 คน รักษาการไปเรื่อยๆ คิดว่า เป็นการฝันเกินไป และเชื่อว่า อีกไม่นานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คงจะรับรอง และให้ ส.ว.ชุดใหม่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งส่วนตัวก็มองว่าควรรับรองก่อน แล้วค่อยสอยทีหลัง เพราะแม้ประกาศไปแล้ว ก็ยังมีช่องทางตรวจสอบได้ภายหลัง โดยเฉพาะกรณีคุณสมบัติต้องห้าม ก็ร้องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ และถ้ามีการทุจริตก็ไปร้องที่ศาลฎีกา ดังนั้น ไม่ควรปล่อยให้การเมืองสะดุด โดยควรตรวจสอบเป็นรายบุคคล ใครมีปัญหาก็ตามไปตรวจสอบ ซึ่งมีช่องทางทั้งศาลรัฐธรรมนูญและศาลฎีกา
เมื่อถามว่า เมื่อมี ส.ว.แล้ว ควรจะแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องที่มาของ ส.ว. หรือไม่ นายปิยบุตร กล่าวว่า การจะเปลี่ยนที่มาของ ส.ว. หรือยกเลิกการมี ส.ว.จะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยต้องอาศัยเสียง ส.ว. ในการโหวต ซึ่งอาจจะเป็นปัญหา และคงต้องไปหวังการยกร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ที่ให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เข้ามา แต่ตอนนี้ก็ต้องรณรงค์ทางความคิดกันไปก่อน ว่า ถ้ายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะเปลี่ยนที่มาของ ส.ว. หรือจะยกเลิกไปเลย แต่ครั้งนี้เมื่อเลือกมาแล้วก็ต้องเดินหน้าต่อ
นายปิยบุตร กล่าวว่า ตนมีจุดยืนมาตลอดว่า ประเทศไทยถึงเวลาแล้วที่ควรจะมีสภาผู้แทนราษฎรเพียงสภาเดียว และการตรวจสอบถ่วงดุลกับสภาผู้แทนราษฎร สามารถทำได้ ไม่ว่าจะเป็นกลไกของการแบ่งสรรปันส่วน การคัดเลือกองค์กรอิสระ ที่ยุติธรรมกับทุกฝ่าย โดยแต่ละฝ่ายเสนอมาด้วยจำนวนที่เท่าเทียมกัน โดยฝ่ายค้านเสนอมาส่วนหนึ่งและฝ่ายรัฐบาลเสนอมาส่วนหนึ่ง แล้วมาหาข้อยุติร่วมกัน ด้วยคะแนนเสียงที่สูงมาก ก็เชื่อว่า ไม่มีใครยึดองค์กรอิสระได้ ในขณะเดียวกัน ก็มีคณะกรรมาธิการวิสามัญที่สามารถเชิญคนนอกเข้ามาร่วมพิจารณาเรื่องสำคัญๆ ได้ จึงเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่ควรจะยกเลิก ส.ว. และมีสภาเดี่ยว เพราะเราเคยทดลองมี ส.ว.มา 90 กว่าปีแล้ว ตั้งแต่ปี 2475 ทั้งการแต่งตั้ง การเลือกตั้ง และการคัดสรร แต่ก็ไม่ตอบโจทย์ จึงควรคิดทบทวนว่าเรากลับมาใช้สภาเดี่ยว เหมือนกับหลายประเทศ