xs
xsm
sm
md
lg

"สุรเชษฐ์" พาลสร้างศัตรูเยอะ "อัจฉริยะ" สงสาร ร้องกองปราบ รื้อคดีลอบยิงรถส่วนตัว "โจ๊ก" ** เพื่อไทย ป้อง “ชาญ พวงเพ็ชร” บอกต้องฟังศาล ไม่ใช่กฤษฎีกา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล -อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ - ชาญ พวงเพ็ชร์
ข่าวปนคน คนปนข่าว

++"สุรเชษฐ์" พาลสร้างศัตรูเยอะ "อัจฉริยะ" สงสาร ร้องกองปราบ รื้อคดีลอบยิงรถส่วนตัว "โจ๊ก"

ไม่ได้เอาฮา ไม่ได้มาอำ นักร้องอันดับต้นๆ ในทำเนียบนักร้องเมืองไทย “ลุงอัจ” อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นั่งยัน นอนยัน ที่เดินทางไปยังศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เพื่อร้องกองปราบสั่งรื้อคดีเหตุการณ์ลอบยิง “รถยนต์ส่วนตัว” ของ “โจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล โดยคนร้าย 2 คนใช้อาวุธปืนยิงใส่ เหตุเกิดที่บริเวณซอยสาริกา ถนนสุรวงศ์ แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพฯ เมื่อปี 2563 นั้น ด้วยความเป็นห่วง...นะครับนะ
“โคนันอัจ” ยังขยายความอีกว่า ที่จัดให้ โจ๊ก อย่ามองว่าเป็นคู่กรณีกันมาก่อนมากลั่นแกล้ง วันนี้ไม่ได้โกรธแค้นเคืองขุ่น แต่เพราะสงสาร เป็นห่วง “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์” สู้อยู่คนเดียว ไม่มีใครช่วยเหลือเลย

คดีนี้ ผ่านมาหลายปี และ เปลี่ยนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมาแล้ว 4 คน ผลของคดียังไม่สามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้เลย จึงมาร้อง “พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน” ผบก.ป. ร่วมกับ “พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์” ผบก.สส.บช.น. โดยเฉพาะผู้การสืบนครบาลมีนักสืบมือดีอยู่เป็นจำนวนมาก ให้ช่วยรื้อคดีลอบยิงรถยนต์ส่วนตัวของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล หน่อย

ด้วยความเป็นห่วง เพราะว่า “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์” ไล่ฟ้องคนไปเรื่อย สร้างศัตรูมากมาย “ลุงอัจ”เกรงว่า เหตุการณ์จะซ้ำรอย จะโดนยิงตาย ขนาดถูกลอบยิงรถ ยังไม่สามารถจับตัวคนร้ายได้ ทั้งที่ โจ๊ก เป็นถึง รอง ผบ.ตร.

คดีอาชญากรรมร้ายแรงที่ยิงกลางเมืองหลวง และ พื้นที่สถานีตำรวจนครบาลบางรัก เปลี่ยนผู้กำกับมาหลายนาย แต่ไม่มีการติดตามคดี หรือ ไม่มีใครสนใจคดีของ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์” บ้างเชียวหรือ

เพราะ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีตำแหน่งเป็นถึงตำรวจระดับสูง และ มีเพื่อนร่วมรุ่นโรงเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 47 อย่าง “พล.ต.ต.ธีรเดช” ที่มีนักสืบมือดีอย่าง “พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ” สว.กก.3 บก.สส.บช.น หรือ “สารวัตรแจ๊ะ” แต่ก็ยังไม่มีใครติดตามคดีให้
ตอนนี้ทาง “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์” มีศัตรูรอบตัว กลัวว่าจะโดนยิงตาย เดี๋ยว “บิ๊กเต่า” จะได้ไปงานศพ ทำให้อดเป็นห่วงไม่ได้เลยมาร้องสั่งรื้อคดี

“อัจฉริยะ”หวังดีจริงๆ นะครับนะ

ปกรณ์ นิลประพันธ์ -ภูมิธรรม เวชยชัย -อนุทิน ชาญวีรกูล
+++ เพื่อไทย ป้อง “ชาญ พวงเพ็ชร” บอกต้องฟังศาล ไม่ใช่กฤษฎีกา

การเลือกตั้งชิงตำแหน่งนายกฯ อบจ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ระหว่าง “ลุงชาญ” ชาญ พวงเพ็ชร์ ที่พรรคเพื่อไทย ให้การสนับสนุน กับ “บิ๊กแจ๊ส” พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้สมัครอิสระ

งานนี้พรรคเพื่อไทยทุ่มสุดตัว ชนิดที่ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร – “โอ๊ค”พานทองแท้ และ “แม้ว” ทักษิณ ชินวัตร” ยกครอบครัวลงพื้นที่ไปช่วยหาเสียงกันเลย

ผลการเลือกตั้ง ปรากฏว่า “ทักษิณ” หวิดหน้าแหก เมื่อ “ลุงชาญ” ชนะเฉือน “บิ๊กแจ๊ส” ไปไม่ถึงสองพันคะแนน

แต่ว่า “ลุงชาญ” อาจไม่ได้ปฏิบัติหน้านายก อบจ. เพราะมีคดีเก่าค้างอยู่ ซึ่งถูกศาลสั่งห้ามปฏิบัติหน้าที่

เรื่องนี้ “ปกรณ์ นิลประพันธ์” เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ออกมาชี้แจงว่า คดีที่ติดค้างของ “ชาญ พวงเพ็ชร์” นั้นเกิดขึ้นเมื่อปี 2554 เป็นปีที่น้ำท่วมใหญ่ ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่ง “ชาญ” เป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ถูกร้องต่อ ป.ป.ช. ว่ามีการทุจริตจัดซื้อถุงยังชีพช่วยน้ำท่วม

ต่อมา ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด แล้วส่งเรื่องให้ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิขอบ ภาค 1 พิจารรา ต่อมาศาลมีคำสั่งประทับรับฟ้อง และมีคำสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ ถึงวันนี้ คดียังอยู่ระหว่างพิจารณาของศาล อยู่ในชั้นการสืบพยาน

ดังนั้น หาก“ชาญ พวงเพ็ชร” เข้าปฏิบัติหน้าที่นายก อบจ.เมื่อใด ก็ต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่เมื่อนั้น

ที่เป็นเช่นนี้ เนื่องจาก ศาลฯมีคำสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่แล้ว ซึ่งในระหว่างนั้นหากพ้นตำแหน่ง และได้รับการเลือกตั้งกลับเข้ามาใหม่ ก็ยังคงจะต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อป้องกันไม่ให้ไปยุ่งเหยิงในคดีที่ผ่านมา และป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ซึ่งกรณีของ “ชาญ” ก็จะเข้าเงื่อนไขดังกล่าวโดยอัตโนมัติ

แต่ถ้าหาก “ชาญ” ต้องการจะโต้แย้งคำสั่ง ก็ต้องไปดำเนินการ ที่กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น (สถ.) ที่มีอำนาจหน้าที่ในการดูแลการเข้าสู่ดำรงตำแหน่งทางการเมืองของผู้บริหารท้องถิ่น ซึ่ง กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น จะมีอำนาจ ออกคำสั่งดำเนินการต่อไป

นั่นคือ กฤษฎีกาชี้เปรี้ยงว่า ถึงจะได้เป็นนายก อบจ. แต่ก็ป ฏิบัติหน้าที่ไม่ได้

เรื่องนี้ทำเอาแกนนำพรรคเพื่อไทย ต้องออกมาโต้กันให้วุ่น

“เสี่ยอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย บอกว่า ความเห็นของกฤษฎีกา ก็เป็นแค่ข้อคิดเห็นทางกฎหมาย การที่ “ชาญ” จะหยุด หรือไม่หยุดปฏิบัติหน้าที่ ต้องเป็นคำสั่งศาลเท่านั้น ไม่ใช่จะเป็นไปตามความเห็นของกฤษฎีกาโดยอัตโนมัติ อีกทั้งกรณีนี้เป็นเรื่องใหม่ เป็นสถานการณ์ใหม่ จึงเห็นว่า “ชาญ” ยังมีสิทธิ์ เพราะตอนที่มาสมัคร ก็ไม่ได้ขาดคุณสมบัติ ยังสามารถประกาศรับรองผลการเลือกตั้งได้ จึงต้องปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายจะดีกว่า ถ้าถึงที่สุด ศาลมีคำสั่งชัดเจนบอกว่าผิด ค่อยถือว่าจบ

“สรวงศ์ เทียนทอง” สส.สระแก้ว เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ก็เห็นไปในแนวทางเดียวกันว่า เรื่องนี้ต้องรอให้ศาลสั่ง แต่ถ้าหากกระทรวงมหาดไทยสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ถือเป็นคำสั่งทางปกครอง ผู้ถูกคำสั่งสามารถฟ้องร้องไปยังศาลปกครองได้
ความจริงฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทย ได้ตรวจสอบข้อมูลเรื่องนี้แล้ว มีความเห็นว่า ป.ป.ช.เป็นโจทก์ฟ้อง ในขณะที่ศาลประทับรับฟ้อง “ชาญ พวงเพ็ชร์” ไม่มีตำแหน่งหน้าที่ จึงไม่มีกรณีที่ต้องให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ คดีอยู่ในอำนาจพิจารณาของศาล ถ้าจะต้องให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ป.ป.ช.ที่เป็นโจทก์ ต้องยื่นคำร้องต่อศาล

อีกทั้งการให้หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ไม่มีบัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.วิธีพิจารณาของศาลอาญาทุจริต เพียงแต่เขียนไว้ใน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยป.ป.ช. เท่านั้น และเป็นดุลพินิจของศาล ว่าต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ไม่ใช่เป็นการให้หยุดปฏิบัติหน้าที่โดยอัตโนมัติ จากนี้จึงเป็นหน้าที่ของกกต. เพราะได้ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้รับสมัคร จนเสร็จสิ้นกระบวนการเลือกตั้ง จน “ชาญ” ได้คะแนนมาเป็นที่ 1

ขณะที่ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ว่า เมื่อมีปัญหาข้อกฎหมาย ก็ให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย โดยส่วนตัวแล้วไม่รู้จัก “ชาญ พวงเพ็ชร์”เป็นการส่วนตัว จึงไม่ได้โทรศัพท์ไปพูดคุย แสดงความยินดี แต่ก็พร้อมที่จะทำงานร่วมกันได้

ส่วน “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย บอกว่า ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องนี้

เมื่อถามว่า แต่หากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) สั่ง ก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ใช่หรือไม่ “อนุทิน” บอกว่า ขึ้นอยู่กับกฎหมาย และการตีความ ตรงนี้เป็นเรื่องของท้องถิ่น และเป็นการเลือกตั้งโดยประชาชน ส่วนจะหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ เป็นเรื่องของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะด้านกฎหมาย กระทรวงมหาดไทยไม่เกี่ยว ไม่ใช่เรื่องของกระทรวงมหาดไทยที่จะไปสั่งให้ใครหยุด หรือไม่หยุดปฏิบัติหน้าที่ ต้องฟังกฤษฎีกา ต้องเป็นคำสั่งของศาลฯ เพราะหากมีความเห็นแย้งอะไร ก็ต้องให้ศาลฯ สั่ง และเป็นไปตามนั้น

ยังมีที่ต้องติดตามคือ กกต.จะรับรองผลการเลือกตั้งครั้งนี้ ให้ “ชาญ พวงเพ็ชร์” เป็นนายกอบจ.ปทุมธานี หรือไม่...ถ้ารับรอง แล้วจะปฏิบัติหน้าที่ได้หรือไม่ หรือจะมีปัญหาลากยาวไปถึงกับต้องเลือกตั้งกันใหม่

แต่เรื่องนี้ก็ได้เห็นธาตุแท้ของพรรคเพื่อไทย ที่มักใช้หลังพิงกฤษฎีกา ในการตีความข้อกฎหมายว่า ถ้าเป็นคุณกับพรรค ก็รีบอ้างความเห็นกฤษฎา

อย่างเช่นกรณีตั้ง “พิชิต ชื่นบาน” เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็จะอ้างกฤษฎีกาว่าคุณสมบัติไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ...หรืออย่างกรณี “โจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ก็อ้างกฤษฎีกาว่าคำสั่งที่ให้ออกจากราชการไว้ก่อนนั้น ผิดขั้นตอน ไม่มีผลบังคับใช้ จนถูกมติ ก.ตร. 12 ต่อ 0 หักหน้าว่า เป้นคำสั่งที่ชอบแล้ว

แต่ถ้าความเห็นที่ไม่เป็นคุณกับพรรค อย่างกรณี “ชาญ พวงเพ็ชร” ก็บอกว่า จะไปมโนตามกฤษฎีกาไม่ได้ ต้องรอฟังศาลเท่านั้น


กำลังโหลดความคิดเห็น