นายกฯ แถลงผลประชุม ครม.สัญจรโคราช ชู ร้อยเอ็ดโมเดล จังหวัดสีขาว กวาดล้างยาเสพติดสิ้นในเดือน ก.ย. สั่งทุกหน่วยงานบูรณาการแก้ภัยแล้ง-น้ำท่วม
วันที่ 2 ก.ค.เมื่อเวลา 11.22 น.ที่ มรภ.นครราชสีมา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แถลงหลังเป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ว่า การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วน และสำคัญของรัฐบาล ซึ่งตนได้ประชุมติดตามกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสั่งการไปแล้วหลายหน และรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ตน และรัฐมนตรีหลายท่านเดินทางไปภาคเหนือและภาคอีสาน โดยจะใช้จังหวัดร้อยเอ็ดเป็นโมเดลในการแก้ไขปัญหาให้เป็นจังหวัดสีขาวภายในสิ้นเดือนกันยายน โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้รับผิดชอบ บูรณาการระดมความร่วมมือกับตำรวจ สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ปปส.) หน่วยงานรัฐ ภาคประชาชนในพื้นที่ เพื่อดำเนินการ ดังนี้ 1. ทำการเอกซเรย์ในพื้นที่อย่างละเอียด 2. แยกผู้เสพออกมาเพื่อให้ได้รับการบำบัด และขยายผลในการจับกุมผู้ขายเพื่อดำเนินคดีอย่างเฉียบขาด 3. ให้กระทรวงสาธารณสุข มหาดไทย กลาโหม ร่วมกันจัดหาที่สถานบำบัดให้เพียงพอเนื่องจากเรามีการกวาดล้างครั้งใหญ่ ซึ่งน่าจะเจอผู้ป่วยจำนวนมาก 4. ให้กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงแรงงานเข้ามาช่วยการส่งคืนชุมชน ต้องมีการฝึกอาชีพ หางานให้ทำและมีรายได้เพียงพอกับการดำรงชีวิต
“เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ เพราะการบำบัดแล้ว กลับไปสู่อาชีพที่ควรจะทำแล้ว ต้องไม่กลับมาอีก ตัวเลขที่เราดูประมาณ 90% ประสบความสำเร็จ แต่อีก 10% ก็ยังกลับไปเสพอีก ฉะนั้น เราต้องพยายามทำ 10% นั้น ให้เป็นศูนย์ให้ได้ ทั้งกระทวง พม.และแรงงานจึงมีบทบาทสำคัญในการสร้างอาชีพ”
นายกฯ กล่าวต่อว่า 5. ให้กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เร่งหาวิธีการสอดส่องดูแลอย่าให้ลูกหลานเสพยา และขอให้ทางโรงเรียนร่วมกันปลุกฝังค่านิยมคุณค่าใหม่ เด็กและเยาวชนต้องไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด 1-2 วัน ที่ผ่านมา ตนได้ไปเยี่ยมชนหลายๆ โรงเรียน ก็มีการพูดคุยกัยเด็ก ซึ่งปัญหานยาเสพติดก็เป็นปัญหาหนึ่ง ที่เด็กๆมีความกังวลอยู่ จึงอยากให้ทั้งสองกระทรวงคิด พิจารณาในการสอดแทรกเรื่องโทษของยาเสพติดเข้าไปให้เด็กมีการรับรู้ในชีวิตประจำวัน เช่น การพูดหน้าเสาธงว่าเราจะห่างไกลจากยาเสพติด การให้ข้อมูลเชิงลึก 6. ให้สำนักงาน ป.ป.ส.กำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัดที่ท้าทาย กำหนดมาตรการที่เหมาะสมให้จังหวัดให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ทำงาคู่กันอย่างใกล้ชิด
นายกฯ สั่ง กษ.ดูแลโคครบวงจร
นายเศรษฐา แถลงอีกว่า เรื่องของเกษตรกรเลี้ยงโค ขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้ามาช่วยดูแลและพัฒนาสายพันธุ์และพัฒนาการผลิตรวมถึงโรงเชือด และให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศเร่งแก้ปัญหาเรื่องราคาและเจรจาเปิดการค้าต่างประเทศที่มีศักยภาพ เช่น ซาอุดีอาระเบีย และจีน
สั่งบูรณาการเร่งด่วนแก้ปัญหาน้ำท่วม-แล้ง
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลายๆ พื้นที่ในภาคอีสาน และล่าสุด จังหวัดภูเก็ต มีปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งซ้ำซาก สร้างความเดือดร้อนให้แก่ชีวิตและทรัพย์สินประชาชนอย่างมาก โดยการประชุม ครม.เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีการอนุมัติงบกลางกว่า 7.6 พันล้านบาท เพื่อเร่งแก้ปัญหาเรื่องนี้ ขอให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กรมชลประทาน เร่งพิจารณากาดำเนินโครงการตามความเหมาะสม โดยคำนึงถึงสภาพปัญหา ความเร่งด่วน และสถานการณ์ในพื้นที่ประกอบกันด้วย และขอให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย บูรณาการร่วมกับกรมชลประทานในการจัดเตรียมแผนการรับมือ และแนวทางการบรรเทาผลกระทบที่เกิดจากปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง เพื่อให้ประชาชนได้รับควาเดือดร้อนน้อยที่สุด
ครม.สัญจร เคาะ 249 ล้านบาท 16 โครงการกลุ่มจังหวัด ภาคเอกชน 8 โครงการ 247 ล้านบาท
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ครม.เห็นชอบในหลักการโครงการของกลุ่มจังหวัด และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 (นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์) 16 โครงการ กรอบวงเงิน 249 ล้านบาท โดยให้กลุ่มจังหวัด และจังหวัดขอรับจัดสรรงบกลางปี 2567 และเห็นชอบในหลักการของโครงการที่เป็นข้อเสนอของภาคเอกชนจำนวน 8 โครงการ กรอบวงเงิน 247.15 ล้านบาท โดยให้ส่วนราชการที่เป็นหน่วยงานเข้าของโครงการขอรับการจัดสรรจากงบกลางในปีนี้
ครม.อนุมัติ กษ.ตั้ง คกก.จัดงานพืชสวนโลก ให้ทันปี 2572
นายเศรษฐา กล่าวว่า ครม.รับทราบอนุมัติ และเห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอในการจัดตั้งคณะกรรมการอำนวยการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก จังหวัดนครราชสีมา ปี พ.ศ. 2572 ที่ประเทศไทยได้รับการคัดเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดงาน ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของหน่วยงานต่างๆไปพิจารณาและดำเนินการให้เสร็จทันปี 2572
ครม.สัญจร รอบหน้าลุยภาคกลาง
นายกฯ กล่าวด้วยว่า ครม.ได้พิจารณาเรื่องเพื่อทราบการประชุม ครม.นอกสถานที่ครั้งต่อไป นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย เสนอกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง โดยจะใช้จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นแกนนำ และมีจังหวัด เช่น นนทบุรี ปทุมธานี สระบุรี นครนายก เป็นต้น
