ข่าวปนคน คนปนข่าว
** "โจ๊ก"หน้ามืด "วิษณุ" เสียสุนัข -"บิ๊กต่อ"ควง"มาดามกุ๊กไก่"ออกงานครั้งแรก
“โจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ถูกให้ออกจากราชการ เดินเกมฟ้องดะ หน้ามืดตามัวจนตัวเองกลายเป็น“นักรบบนศาล”ต้องค้าความขึ้นศาลรัวๆ
คดียื่นฟ้อง “บิ๊กเต่า” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ข้อหาหมิ่นประมาทสางแค้น เพราะตกเป็น “ผู้ต้องหา” เป็นอีกหนึ่งคดีที่ “โจ๊ก”ไปตามนัดไต่สวน แต่ฟังว่า“บิ๊กเต่า”พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ติดราชการเลยขอเลื่อนนัดอีกครั้ง
ขณะที่เคยลั่นวาจาเอาไว้ว่าจะลุยฟ้องก.ตร.และนายกรัฐมนตรี ล่าสุด “โจ๊ก”ก็ยังไม่ได้ยื่นฟ้องใคร อ้างว่าการทำเอกสารต้องรอบคอบ หากรีบเร่งมากไปจะเกิดข้อผิดพลาด แต่ยืนยันว่า ฟ้องแน่
ว่ากันว่า “โจ๊ก”จะฟ้องหรือไม่ฟ้องใครเพิ่ม นาทีนี้ผู้ที่อยู่ในข่ายที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะเอาเรื่องไม่มีใครเกรงกลัว ตรงกันข้าม ทุกคนรอคอยกวักมือเรียกโจ๊ก...“ก้อมาดิคร้าบ”
ฟ้องมา-ฟ้องกลับ ฟ้องมาจะได้แฉข้อมูลหลักฐานที่โจ๊กทำอะไรไว้จึงเป็นเหตุให้ออกจากราชการให้ธารกำนัลรับรู้กันเพิ่ม กระจ่างคาตากันไปอีก
มีหลายคนเตือนสติโจ๊ก ซึ่งก็รวมถึง "เนติบริกร" วิษณุ เครืองาม
ที่เตือนด้วยความหวังดี อย่าเที่ยวฟ้องดะ โดยเฉพาะนายกฯเศรษฐา ทวีสิน
เมื่อวานฟังว่า “โจ๊ก”เจอสื่อก็คุยโวตามสไตล์ ตัวเองจะเดินหน้าไขว้กับทุกคน แถมปั้นวาทะกรรมหล่อๆ สิ่งที่กำลังตามหา คือความยุติธรรม ฟ้องแน่ไม่ว่าหน้าไหน ทั้งคนที่เคารพศรัทธา ครูบาอาจารย์ ผู้บังคับบัญชา แม้แต่นายกฯ ก็ไม่เว้น
หาก “โจ๊ก”ยื่นฟ้อง “เศรษฐา” เมื่อไหร่ คนที่สมควรรับผิดชอบ หลายๆคนชี้มือไปที่ “เนติบริกร” วิษณุ เครืองาม
โทษฐานเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีประสาอะไร ดันทำให้นายกฯถูกฟ้อง!
งานนี้สังคมก็ต้องรอดูท่าทีของ “วิษณุ” หลังจากที่ “โจ๊ก” ฟ้องนายกฯแล้วจะพิจารณาตัวเองอย่างไร
ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างกับตัวเองและยิ่ง “โจ๊ก” หน้ามืดไล่ฟ้องทุกคน วิษณุก็ยิ่ง"เสียสุนัข" เพราะคนชื่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่แอบช่วยกัน แต่ไม่เชื่อถือ ไม่เชื่อฟังกันซะงั้น
ขณะที่โจ๊กเดินขึ้นโรงขึ้นศาล "บิ๊กต่อ" พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ "คู่เด้ง" คู่ขัดแย้งกับ โจ๊ก ที่กลับมาทำงานในตำแหน่ง ผบ.ตร. ก็กำลังเบิกบานกับหน้าที่
ข่าวว่า ผบ.ตร.พร้อมด้วย "มาดามกุ๊กไก่" นิภาพรรณ สุขวิมล ในฐานะ นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจควงกันออกงานเป็นประธานในพิธีมอบทุนการศึกษาของสมาคมแม่บ้านตำรวจ ประจำปี 2567
ถือเป็นการออกงานคู่กันครั้งแรกนับแต่ “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์” มาปฏิบัติหน้าที่ ผบ.ตร. หลังจากถูก "ม้าใช้โจ๊ก" ษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ “ทนายตั้ม” ร้องให้ดำเนินคดี ที่อ้างพบเส้นทางการเงินจากจากเว็บพนันออนไลน์เชื่อมโยงไปถึงคนใกล้ชิด รวมถึง “มาดามกุ๊กไก่”
“โจ๊ก”และ “ทนายตั้ม” ถ้าได้เห็นภาพไม่ต้องบอกก็รู้ อาการนอกจากกำหมัดกัดฟัน จะทำอย่างไรได้.
** “บิ๊กแจ๊ส” พ่ายตัวเองมากกว่าแพ้บารมี “ทักษิณ” แถม “ลุงชาญ” มีชนัก คดีทุจริตส่อถูกแขวน ดูทรงอาจต้องเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี อีกรอบ
เรียบร้อยโรงเรียนเพื่อไทย ผลการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปทุมธานี อย่างไม่เป็นทางการ
ผลปรากฏว่า “ลุงชาญใจดี” นายชาญ พวงเพ็ชร์ ผู้สมัคร หมายเลข 1 ในสีเสื้อเพื่อไทย ได้คะแนนทั้งสิ้น 203,010 คะแนน เฉือนชนะ “บิ๊กแจ๊ส” พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง เจ้าของเก้าอี้เดิม ผู้สมัครหมายเลข 3 ที่ได้คะแนน 201,041 คะแนน
สิริรวมแพ้ชนะกันไปแค่ 1,969 แต้มเท่านั้น
และดูท่าน่าจะมีการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งเร็วๆ นี้ เพราะฝ่ายผู้แพ้อย่าง “บิ๊กแจ๊ส” ประกาศยอมรับความพ่ายแพ้ และบอกว่าเป็นสุภาพบุรุษพอ คงไม่ร้องเรียนอะไรอีก แม้จะมีเรื่องที่ร้องเรียนคาอยู่ก็ตาม
ภายหลังการเลือกตั้ง ฝ่ายผู้ชนะอย่าง พรรคเพื่อไทย ก็เรียงหน้าออกมาตีปิ๊บ ประกาศศักดาทันทีว่า เป็นความสำเร็จของพรรค ในการปรับกลยุทธ์ทางการเมือง จนนำมาซึ่งชัยชนะในครั้งนี้
แล้วยังพากัน “อวย” ว่าเป็นเพราะบารมีของ “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่อยู่ระหว่างการพักโทษจำคุก ยังคงเข้มขลัง ทำให้สามารถโค่น “บิ๊กแจ๊ส” อดีตคนคุ้นเคยที่ระยะหลังเอาใจออกห่างกันไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิเคราะห์ลงลึกในคะแนนที่เฉือนกันแค่ไม่ถึง 2 พันแต้ม ก็คงพูดได้ไม่เต็มปากว่า เป็นอิทธิพลของ “ทักษิณ”
เพราะหากบารมี “นายใหญ่เพื่อไทย” เข้มขลังอย่างที่คุยโวจริง คะแนนของ “ลุงชาญ” ก็น่าจะทิ้งห่างมากกว่านี้
กลับกันน่าเป็นความผิดพลาดของ “บิ๊กแจ๊ส” มากกว่าที่ตัดสินใจลาออกก่อนครบวาระ ส่งผลให้บรรยากาศการเลือกตั้งไม่คึกคัก มีผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งเพียงไม่ถึง 50% จากผู้ใช้สิทธิราว 9 แสนคน
ส่งผลให้ “คะแนนจัดตั้ง” เข้ามามีผลอย่างมาก ซึ่งทาง พรรคเพื่อไทย ได้พลังของ “8 บ้านใหญ่” อันประกอบด้วย บ้านใหญ่ธัญบุรี ของ “นายกเบี้ยว” กฤษฎา หลีนวรัตน์ นายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี, บ้านใหญ่ลาดหลุมแก้ว “นายกป้อม” สุริยะ ภิรมย์พร้อม นายก อบต.ลาดหลุมแก้ว อ.ลาดหลุมแก้ว, บ้านใหญ่เสื้อแดง “เฮียเหน่ง” สมศักดิ์ เกียรติพัฒนาชัย ประธานชมรมรถตู้รังสิต และส.อบจ.ปทุมธานี เขต 2, บ้านใหญ่ ป.นำโชค “สส.เต๋า” ศุภชัย นพขำ อดีต สส.ปทุมธานี เพื่อไทย และเลขานุการ รมช.มหาดไทย, บ้านใหญ่เสี่ยฮะ ของ “เสี่ยฮะ” สุรพงษ์ อึ้งอัมพรวิไล อดีต สส.ปทุมธานี พรรคเพื่อไทย และที่ปรึกษา รมช.คมนาคม, บ้านใหญ่สามโคก “พี่ใหญ่” เสวก ประเสริฐสุข อดีตผู้ก่อตั้งกลุ่มคนรักปทุมร่วมกับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ และอดีตรองนายก อบจ.ปทุมธานี, บ้านใหญ่คลองหลวง ของ เอกพจน์ วงศ์นาค นายกเทศมนตรีเมืองคลองหลวง อ.คลองหลวง และบ้านใหญ่นครรังสิต ของ เดชา กลิ่นกุสุม อดีตนายกเทศมนตรีนครรังสิต
เมื่อ “8 บ้านใหญ่” ผนึกกำลังกัน ก็ทำให้ “คะแนนจัดตั้ง” เข้าเป้ามากกว่า “บิ๊กแจ๊ส” ที่แม้จะมีความนิยมส่วนตัว แต่ขาดเครือข่ายเข้ามาหนุน
รวมทั้งยังมีรายการ “หัก” กับทางพรรคก้าวไกล ที่เดิมเคยดีลไว้ว่าจะส่ง “นายกโบว์ลิ่ง” ร.ต.อ.ตรีลุพธ์ ธูปกระจ่าง นายกเทศมนตรีนครรังสิต ลงสมัครเลือกตั้งนานก อบจ.ปทุมธานี ในสีเสื้อพรรคก้าวไกล
แต่เมื่อ “บิ๊กแจ๊ส” เปลี่ยนใจ ลงสมัครรักษาเก้าอี้เองในนามอิสระ ก็ทำให้ พรรคก้าวไกล ที่มี สส.ปทุมธานี ทั้งจังหวัด เคว้งคว้างทันที เพราะไม่สามารถหาตัวผู้สมัครได้ทัน
ผลที่ตามมาคือคะแนนของพรรคก้าวไกลที่เดิมเหมือนจะหนุน “บิ๊กแจ๊ส” กลับกลายเป็นรณรงค์ “โหวตโน” เพื่อต้องการให้มีการจัดการเลือกตั้งใหม่ และพรรคก้าวไกล หาตัวผู้สมัครมาลงทัน
หรือไม่ต้องอื่นไกล ยังมีผู้สมัครหมายเลข 4 นพพดล ลัดดาแย้ม ซึ่งก็เป็นลูกทีมเก่าของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ที่ได้คะแนนมาราว 1.2 หมื่นคะแนน ซึ่งมองได้ว่าเป็นการตัดแต้มมาจาก “บิ๊กแจ๊ส” ซึ่งหากไม่เสียคะแนนส่วนนี้ไป ผลการเลือกตั้งคงออกมาอีกแบบ
คงเคลมว่าเป็นเพราะบารมีของ “ทักษิณ” หรือกลยุทธ์ของพรรคเพื่อไทย ไม่ได้เต็มปาก เพราะดูแล้วเป็น “บิ๊กแจ๊ส” ที่พลาดเองมากกว่า
อีกทั้งผลการเลือกตั้งครั้งนี้อาจจะ “เสียของ” ด้วยซ้ำ เมื่อมีการเปิดเผยว่า “ลุงชาญ” ดันมีคดีติดตัว เป็นคดีที่ถูกกล่าวหา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง นายก อบจ.ปทุมธานี และพวก มีความผิดเกี่ยวกับการจัดซื้อถุงยังชีพ เมื่อปี พ.ศ.2555
คดีนี้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิดไปแล้ว และศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 มีคำสั่งประทับฟ้องคดีนี้แล้ว คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอาญาฯ โดยมีการนัดไต่สวนสืบคดีในช่วงกลางเดือน ก.ค.67 นี้
กรณีเช่นนี้ คณะกรรมการกฤษีกา ได้เคยมีความเห็นทางกฎหมายตอบข้อหารือ กระทรวงมหาดไทย เรื่องการหยุดปฏิบัติหน้าที่ของผู้บริหารบริหารท้องถิ่น ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 ว่า เมื่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ได้ประทับรับฟ้องในคดีอาญาที่ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดผู้บริหารท้องถิ่นแล้ว ผู้บริหารท้องถิ่นต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 93 อันเป็นการหยุดปฏิบัติหน้าที่โดยผลของกฎหมาย
ทำให้มีแนวโน้มว่า “ลุงชาญ” อาจต้องถูกแขวนการทำหน้าที่นายก อบจ.ปทุมธานี และหากสุดท้าย ศาลตัดสินว่ามีความผิด ก็ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่
หากถึงวันนั้นจริง คงไม่ใช่งานง่ายของพรรคเพื่อไทยอย่างแน่นอน.