xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯสรุปภาพรวมออนทัวร์อีสานจ่อร่วมแห่เทียนอุบล ให้KPIพณ.ราคาหอมแดงพุ่ง พร้อมปรับปุ๋ยคนละครึ่ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"เศรษฐา" สรุปลงพื้นที่ภาพรวมออนทัวร์อีสาน 3 วัน 4 จว. เตรียมเคลียร์ตารางงานร่วมงานแห่เทียนพรรษาอุบล 67 ให้ KPI พณ. ทำราคาหอมแดงพุ่งสูง 35 บ.ต่อกก. เผยโครงการ ’ปุ๋ยคนละครึ่ง‘ ปรับปรุงให้ดีขึ้น หลังรับข้อเสนอแนะจากแต่ละพื้นที่

วันนี้ (30มิ.ย.) เมื่อเวลา 11.10น. ที่โรงเรียนรัตนบุรี ต.รัตนบุรี อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ นายเศรษฐา ทวีสินนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ภาคอีสานต่อ 3 วันที่จ.ร้อยเอ็ด อุบลราชธานี ศรีสะเกษ และสุรินทร์ ตั้งแต่วันที่ 28-30 มิ.ย.ว่า ส่วนการลงพื้นที่จ.ร้อยเอ็ด ถือว่าเป็นจังหวัดอีสานตอนใต้จังหวัดหนึ่งที่มีศักยภาพสูง ตนได้ไปดูการขุดลอกอ่างเก็บน้ำห้วยแก้ว เพื่อเพิ่มปริมาณการกักเก็บน้ำ ที่ช่วยทั้งในช่วงฤดูแล้งและฤดูฝน สร้างประโยชน์ให้ประชาชนมีน้ำใช้ในทุกครัวเรือน

นายกฯ กล่าวต่อว่า ขณะที่การลงพื้นที่จ.อุบลราชธานี ปัญหาหลักๆที่รับฟังจากประชาชน คือเรื่องน้ำท่วม น้ำแล้ง เรื่องราคาสินค้าเกษตร เรื่องปัญหายาเสพติด รวมถึงการพัฒนาพื้นที่ถนนและสนามบิน ซึ่งทุกเรื่อง เป็นเรื่องสำคัญของรัฐบาลที่เราจะต้องเร่งแก้ไขปัญหานี้ให้หมดไป ซึ่งตนได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้มีการบูรณาการเพื่อแก้ไขปัญหาทุกปัญหา โดยที่จ. อุบลราชธานีไปดูเรื่องกระบวนการทำเทียนพรรษา ซึ่งถือว่ามีความสวยงาม และมีคนมาดูงานแห่เทียนพรรษาจำนวนมากปีละหลายหมื่นคน ควรที่จะส่งเสริมให้เป็นเฟสติวัลหรืออีเวนท์ประจำปีของจังหวัด เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวเพิ่มรายได้ให้กับ จังหวัด และประชาชนในพื้นที่ ซึ่งในวันที่ 20- 21 ก.ค.67 จะมีงานใหญ่ตนก็จะพยายามเคลียร์ ตารางงานเพื่อจะมาร่วมงานด้วย

นายกฯ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ในส่วนเรื่องการบริหารจัดการน้ำที่จ.อุบลราชธานี ตนได้มีการสั่งการให้กรมชลประทาน ดูแลเรื่องการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ เช่น อ่างเก็บน้ำฝาย และแก้มลิง เรามีการลงทุนไปเยอะในการแก้ปัญหาไม่ท่วม ไม่แล้ง แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือการลงใจที่เป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งในปี 2566 ปัญหาน้ำท่วมเกือบไม่มีเลย เพราะทางกรมชลประทาน ได้มีการประสานงานกับสส.ในพื้นที่เป็นอย่างดี ทำให้การบริหารการจัดเก็บน้ำทำได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงและทำให้เรื่องของน้ำท่วมหายไป

นายกฯ กล่าวอีกว่า ส่วนการลงพื้นที่จ.ร้อยเอ็ด ที่มีผลการจับกุมเรื่องยาเสพติดมากเป็นที่อันดับ 2 ของประเทศ ของพื้นที่ภาคอีสานตอนล่าง รวมถึงการขาดสถานที่ในการรักษาผู้ติดยาเสพติดให้เพียงพอ จึงได้มีการสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นกระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุขตำรวจ และทหารทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการและหามาตรการในการปราบปรามและรักษาผู้ป่วยที่ติดยาเสพติดอย่างเร่งด่วนภายในสิ้นไตรมาส 3 หรือสิ้นเดือนก.ย. 2567 ทำให้จ.ร้อยเอ็ด เป็นพื้นที่สีขาวปลอดยาเสพติด ถ้าตรงนี้ทำได้และเป็นพื้นที่สีขาวจริง เราก็จะไปทำจังหวัดอื่นๆ โดยเฉพาะจังหวัดในพื้นที่ภาคอีสาน เพราะภาคอีสานเป็นภาคที่ได้รับผลกระทบสูงจากเรื่องยาเสพติด แต่ก็ต้องยอมรับว่าปัญหายาเสพติดเกิดจากการไหลเข้าของยาจากประเทศเพื่อนบ้านที่มีปริมาณมาก ขณะที่เรื่องการดูแลสถานการณ์น้ำในพื้นที่ภาคอีสานในปีนี้ เรามั่นใจถึงแม้ว่าฝนจะตกมากกว่า ก็จะไม่มีปัญหาเรื่องน้ำท่วม และน้ำแล้ง

นายกฯ กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันการลงพื้นที่จ.ศรีสะเกษ ดูเรื่องสินค้าเกษตร ปัญหาราคาหอมแดง ซึ่งก่อนที่เราจะมาเป็นรัฐบาลราคาอยู่ที่ 10 บาทต้นๆต่อกิโลกรัม ปีที่ผ่านมาซึ่งปีที่ผ่านมาทำได้ในราคา 15 บาทต่อกิโลกรัมก็ทำให้พี่น้องเกษตรกรพออยู่ได้ ปีนี้ก็ได้ให้ดัชนีวัดความสำเร็จ (KPI)กระทรวงพาณิชย์ว่าจะต้องทำให้ได้ 20 บาทต่อ กิโลกรัม รวมถึงราคาพริก ที่ต้นทุนการผลิตอยู่ที่ 20 บาทต่อกิโลกรัม แต่ปัจจุบันขายได้ 25 บาทต่อกิโลกรัม ทำให้เกษตรกรมีเงินเหลือน้อยมากในกระเป๋า แต่เราก็พยายามที่จะทำให้ได้ในราคา 35 บาทต่อกิโลกรัม ทั้งนี้ จ.ศรีสะเกษเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่ามีศักยภาพสูงมาก มีความโชคดีมีดินที่ดี ที่เกิดจากภูเขาไฟในอดีต เพราะฉะนั้นเมื่อฝนตก ทำให้มีการชำระเอาแร่ธาตุลงมาจะปลูกอะไรก็ทำได้ดีหมด เช่น ปลูกลำไย ปลูกลิ้นจี่ เป็นต้น แต่ปัจจุบันเรามีทุเรียนภูเขาไฟซึ่งเป็นทุเรียนที่มีศักยภาพสูงมีตลาดที่ชัดเจน จึงสนับสนุนให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หาตลาด เพื่อทำให้ราคาสินค้าดีขึ้น ซึ่งจะทำให้ความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น

นายกฯ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ การลงพื้นที่จ.สุรินทร์ถือเป็นจังหวัดที่ปลูกข้าวได้เป็นอันดับต้นๆของประเทศ ทั้งข้าวเกษตรอินทรีย์ ข้าวหอมมะลิอินทรีย์ ที่ขายได้ในราคากิโลกรัมละ 45 บาท ตันละประมาณ 45,000 บาท แต่หากเป็นข้าวเกษตรอินทรีย์ล้วนอาจมีราคา 100 บาทต่อกิโลกรัม ตันละ 1 แสนบาท ถือว่ามีศักยภาพสูงมาก ฉะนั้นเราต้องมีวิธีการแปรรูปข้าว เพื่อทำให้ประชาชนมีรายได้ที่ดีขึ้น ส่วนเรื่องการพัฒนาโคเนื้อสุรินทร์วากิว ต้องมีการพัฒนาให้ดีหาตลาดให้ดีมีมาตรฐานคงเส้นคงวา และโรงเชือดต้องมีให้เพียงพอ รวมถึงโรงตัดแต่งเนื้อจะต้องมีให้เพียงพอด้วยเช่นกัน ซึ่งโคเนื้อวากิวถือเป็นสัตว์เศรษฐกิจ ที่จะทำให้รายได้พี่น้องประชาชนดีขึ้น

เมื่อถามว่าเรื่องโครงการปุ๋ยคนละครึ่งเกษตรกรมีการตอบรับอย่างไรบ้าง นายกฯ กล่าวว่า ต้องเอาไปปรับปรุงนิดหน่อย เพราะแต่ละพื้นที่ แต่ละจังหวัด บางคนต้องการ แต่บางคนก็มีข้อเสนอแนะมา ซึ่งตนได้ให้ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี(สลน.)รวบรวมเรื่องของข้อเสนอแนะและการปรับปรุงโครงการให้ดีขึ้นไปอีก.


กำลังโหลดความคิดเห็น