ผู้สมัครกลุ่มสตรี ร้องกกต.สอบฮั้วเลือกสว. เผยไม่มั่นใจ "เลขาฯแสวง" คนบุรีรัมย์ ใกล้ชิด "ชัย ชิดชอบ" แย้มพี่ชายก็สนิทคนบางพรรค ด้านอดีตผู้ช่วยผบ.ตร. สวมวิญญาณสืบ เก็บโพยตกคาห้องน้ำเป็นหลักฐาน บอก กกต.ขอข้อมูลก็ยินดีให้
วันนี้ (28 มิ.ย.) กลุ่มผู้สมัครสว.กลุ่ม 2,3,14 ยื่นคำร้องต่อกกต.ขอให้ตรวจสอบกระบวนการเลือกสว.ระดับประเทศ โดยนางกุสุมาลวตี ศิริโกมุท ผู้สมัครสว. กลุ่มสตรี กล่าวว่า อยากให้กกต.ตรวจสอบ การบล็อกโหวต เพราะทุกคะแนนทุกหีบเหมือนกันหมด แสดงให้เห็นว่ามีโพยเป็นการทำลายประชาธิปไตย นอกจากนี้คุณสมบัติก็ยังไม่ตรงกับกลุ่มอาชีพ
"นักวิทยาศาสตร์จบป. 4 สื่อมวลชนเป็นคนพูดเสียงตามสาย มันผิดตั้งแต่ขั้นตอนการรับสมัครในครั้งแรกแล้ว ดิฉันอยากบอกว่าโรงแรม ที่จองให้กับคนที่มาจากต่างจังหวัด ตามกลุ่มต่างๆที่เขาได้จัดสรร เพื่อมาฮั้วกัน มีการเข้าพักจัดเลี้ยง จ่ายเงินกันตรงนั้น อยากฝากว่าทั้ง 10 โรงแรม ให้กกต.ไปสืบสวน แต่เชื่อว่ามีความพยายามทำลายพยานหลักฐาน"
นางกุสุมาลวตี กล่าวว่า สิ่งที่ตนเป็นห่วงคือเราจะได้รับความเป็นธรรมหรือไม่ เพราะขณะที่ นายแสวง บุญมี เลขาธิการกกต. เป็นคนบุรีรัมย์ เป็นอดีตคณะทำงานของนายชัย ชิดชอบ และพี่ชายเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ โดยการสนับสนุนของคนบางคน และคนบางพรรค เพราะฉะนั้นการกระทำเยี่ยงนี้ เป็นการกระทำที่อุกอาจไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายทั้งสิ้น ยืนยันว่ามีการซื้อโหวตกันจริงๆแต่เราหาพยานหลักฐานได้ เชื่อว่าพยานแวดล้อมเข้าองค์ประกอบล้านเปอร์เซ็นต์ ตอนบ่ายก็จะยื่นร้องต่อศาลฎีกา
ขณะที่พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว อดีตผู้ช่วยผบ.ตร. ผู้สมัครสว. ในกลุ่มกฎหมาย กล่าวว่า มีความพยายามให้โหวตเตอร์ เลือกคนที่เป็นเป้าหมาย และช่วงบ่ายที่มีการเลือกไขว้ก็มีการเขียนโพยไว้ ตนมองเห็นเพื่อนข้างๆ ยังไม่อ่านใบสว. 3 จนจบก็ลงคะแนนเสร็จเรียบร้อยแล้ว กกต.จึงต้องใช้ความกล้าหาญตรวจสอบเรื่องนี้ ตนไม่ได้พูดลอยๆ เพราะหลักฐานอยู่ที่ใบคะแนนทุกใบที่อยู่ในกล่อง เชื่อว่าทำได้ไม่ยาก 1 วันก็รู้ว่าใครเลือกใครบ้าง และยินดีจะให้ข้อมูลเพิ่มเติม อยากให้กกต.อย่าเพิ่งรีบประกาศผล
เมื่อถามว่าเงื่อนไขการล็อบบี้ หากไม่มีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องก็ไม่ผิดกฎหมาย พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า ไม่ใช่ผลประโยชน์อย่างเดียว ต้องเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรมด้วย การจัดตั้งโดยไม่สุจริต ยุติธรรม ไม่จำเป็นต้องมีผลประโยชน์ ไม่จำเป็นต้องมีเรื่องเงินเรื่องทอง
ทั้งนี้พล.ต.ท.คำรบ ได้โชว์พยานหลักฐานที่เป็นโพยการลงคะแนน พร้อมระบุว่า "เป็นโพยที่ตกในห้องน้ำพอดีผมเป็นตำรวจ เลยเก็บหลักฐานทุกชนิด ผมได้โพยมาแล้วก็ไปเทียบกับคะแนนที่ได้มาเป๊ะ"
ส่วนเรื่องการยื่นยุบพรรคการเมือง วันนี้มายื่นร้องแค่กระบวนการเลือก ส่วนกรณีพรรคการเมืองมาเกี่ยวข้องหากมีหลักฐานก็ให้ไปเติมเอาเป็นรายบุคคล
"อย่างกลุ่มผมกลุ่มกฎหมาย กลับไปดูแล้วคนที่ได้ ไม่ได้จบกฎหมาย แต่ทำอาชีพค้าขาย เป็นผู้ใหญ่บ้าน และจบราชภัฏมา และประวัติก็เขียนแค่บรรทัดเดียว"
ด้านนายจิรัฏฐ์ แจ่งสว่าง อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และผู้สมัครสว.กลุ่มการศึกษา กล่าวว่า จริงๆหลักฐานทั้งหลายมีแต่อยู่ในกล่องเลือกตั้ง เพียงแค่นำมาสแกนเก็บเข้าไปในระบบแล้วตรวจสอบว่าบัตรใดที่มีการลงคะแนนซ้ำกันมากๆ อย่างที่ 2 คือการตรวจสอบคุณสมบัติเราต้องไปตรวจสอบคุณสมบัติที่ไม่ตรงปก ที่ตนแซวว่าเสื้อลายโปรไฟล์สั้น คนเหล่านี้จะได้รับการโหวต อันนี้เป็นเรื่องจริงว่าบุคคลเหล่านี้เป็นบุคคลต้องสงสัย แล้วนำคนเหล่านี้มาสอบ มันจะย้อนไปถึงในเส้นทางว่าสัมพันธ์กับบุคคล หรือสายสีใด จึงสามารถไปเล่นงานพวกเขาได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างการสัมภาษณ์นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน ได้เดินทางมา และแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ได้มีคนแอบอ้างว่าตนจะมาร้องกกต. วันนี้ โดยส่งไปในกลุ่มของผู้สมัครสว.หลายกลุ่มยืนยันว่าไม่เป็นเรื่องจริง น่าจะโดนใครปั่นและหลอกแล้ว