xs
xsm
sm
md
lg

“นิวัติไชย” ยันคดีศาลยกฟ้องอดีตผู้บริหารวิทยาลัยพลศึกษาชลบุรี ป.ป.ช.ชี้มูลผิดอาญาโดยอิสระ ยึดพยานหลักฐานตาม กม.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“นิวัติไชย” ยันคดีศาลยกฟ้องอดีตผู้บริหารวิทยาลัยพลศึกษาชลบุรี ป.ป.ช.ชี้มูลผิดอาญาโดยอิสระ ยึดพยานหลักฐานตาม กม. ปราศจากอคติ

วันนี้ (28 มิ.ย.) นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้แจงกรณีมีการนำเสนอข่าวการร้องเรียนการทำหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่า ขาดความยุติธรรม ไม่สุจริต ไม่เที่ยงธรรม ไม่ปราศจากอคติ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ในประเด็นที่ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ภาค 2 พิพากษายกฟ้อง นายณรงค์ คำหงส์ อดีตผู้บริหารวิทยาลัยพลศึกษาชลบุรี กับพวก 15 คน คดีกล่าวหาทุจริต เบียดบังเงินยืมทดรองราชการ ป.ป.ช. ได้รับเรื่องไต่สวนชี้มูลความผิดกว่า 13 ปี ปล่อยปละ ละเว้น ทำให้ป.อาญา ม.162, ป.อาญา ม.157 ขาดอายุความไปแล้ว แต่กลับไปดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาชี้มูล ป.อาญา ม.147 เพื่อให้มีโทษ สูงกว่าทำให้คดีไม่ขาดอายุความนั้น กรณีดังกล่าว เมื่อวันที่ 5 ม.ค. 65 ป.ป.ช. มีมติชี้มูลกรณีเจ้าหน้าที่ของวิทยาลัยพลศึกษาชลบุรี ทุจริตในการยืมเงินทดรองราชการ ประจำปีงบประมาณ 2544-2548 โดยพิจารณาเห็นว่า เงินยืมทดรองราชการ เป็นเงินที่หน่วยงานราชการจ่ายให้แก่ผู้ยืม เพื่อใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ หรือดำเนินโครงการตามที่ได้รับอนุมัติจากผู้บังคับบัญชา อันเป็นการยืมไปเพื่อใช้จ่ายตามวัตุประสงค์ และกิจการของราชการ ซึ่งเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการตามตำแหน่งหน้าที่ของผู้ยืม การยืมเงินทดรองราชการจึงเป็นการยืมไปใช้เพื่อประโยชน์ในกิจการของราชการทั้งสิ้น ซึ่งผู้ยืมต้องปฏิบัติตามระเบียบการเบิกจ่ายเงินจากคลัง พ.ศ. 2520 ดังนั้น เงินที่วิทยาลัยพลศึกษาจังหวัดชลบุรี จ่ายให้ผู้ถูกกล่าวหา ยังคงเป็นเงินงบประมาณแผ่นดินเป็นเงินของทางราชการ การที่ผู้ถูกกล่าวหาไม่ส่งใช้เงินยืมภายในระยะเวลาที่กำหนด ปล่อยให้ระยะเวลาล่วงเลยนานถึง 5 ปี อันเป็นการเบียดบังเงินยืมไปเป็นของตนหรือของผู้อื่นโดยทุจริต การกระทำจึงครบองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 147 แล้ว ป.ป.ช. พิจารณาแล้วคดีนี้มีพยานหลักฐานเพียงพอ จึงฟ้องคดีเองต่อศาลภายในอายุความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ประกอบมาตรา 95(1) โดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปราบการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 77 ประกอบมาตรา 93

“ดังนั้น การแจ้งข้อกล่าวหา การไต่สวนและการฟ้องคดีของ ป.ป.ช. จึงเป็นการใช้ดุลพินิจโดยชอบด้วยกฎหมาย ในรูปแบบขององค์คณะบุคคลมีความเห็นเป็นอิสระ โดยรับฟังพยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวน และพยานบุคคลประกอบการกระทำ อันเป็นการใช้ดุลพินิจที่มีเหตุผลประกอบเป็นไปโดยสุจริต เที่ยงธรรม และปราศจากอคติชอบด้วยพ.ร.ปว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 25 แล้ว”

อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการ ป.ป.ช.ในฐานะโจทก์ ได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลอาญาคดีทุจริต และประพฤติมิชอบภาค 2 คดีหมายเลขดำที่ อท.37/2566 คดีหมายเลขแดงที่ อท.68/2566 เมื่อวันที่ 13 พ.ย. 66 และปัจจุบันอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์


กำลังโหลดความคิดเห็น