เมืองไทย 360 องศา
รู้ผลเบื้องต้นแบบไม่เป็นทางการกันแล้วสำหรับการเลือกตั้งสว.ที่ได้จำนวน 200 คนเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ต้องมีการเลือกตั้งกับแบบมาราธอนข้ามคืน
มีรายงานว่า การเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับประเทศ เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ที่ผ่านมา มีผู้ได้รับเลือกขั้นต้นในรอบแรกเข้าสู่การคัดเลือกรอบแบ่งสายหรือรอบไขว้ เมื่อช่วง 20.00 น. ของวันที่ 26 มิ.ย. และการลงคะแนนการนับคะแนนได้ดำเนินการตลอดช่วงคืนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการนับคะแนนทุกสายพร้อมกัน แต่ทีละกลุ่ม ทำให้ต้องใช้เวลานานกว่า 5 ชม. กระบวนการนับคะแนนของทุกสาย ทุกกลุ่มอาชีพ จึงเสร็จสิ้นในเวลา 03.30 น. ทำให้กระบวนการ เลือกส.ว.ระดับประเทศในครั้งนี้ ใช้เวลาทั้งหมด 18 ชั่วโมง และได้ผู้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา (สว.) จำนวน 200 คน และ สำรอง 100 คนแล้ว
โดยทันทีที่การนับคะแนนเสร็จสิ้นผู้สมัคร สว. ได้ทยอยออกมาจากห้องประชุมทันที เพราะใช้เวลาล่าช้ากว่ากำหนดจากเดิมเป็นอย่างมาก ผู้สมัครหลายคนมีท่าทีเหนื่อยล้าจากการอดนอน ในบรรยากาศนอกห้องประชุม เป็นไปด้วยความคึกคัก มีญาติ และผู้สังเกตการณ์เตรียมดอกไม้ไว้มอบให้
สำหรับผลการเลือกสว.ในครั้งนี้ พบว่าคนเด่นคนดังตัวเต็งหลายคนตกรอบ โดยเฉพาะ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี น้องเขยของ นายทักษิณ ชินวัตร ที่เดิมคนมองว่าจะได้รับเลือกและเป็นประธานวุฒิสภา แต่กลับไม่ผ่าน ในขณะที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล อดีต รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความชื่อดัง ติดแค่บัญชีสำรอง
ส่วนคนดังที่ผ่านการเลือกได้เป็น สว.อาทิ พลเอก เกรียงไกล ศรีรักษ์ อดีตแม่ทัพภาค 4 นายวีรศักดิ์ วิจิตรแสงศรี อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร และจังหวัดอ่างทอง รองศาสตราจารย์ ดร.นันทนา นันทวโรภาส นักวิชาการด้านการเมืองการปกครอง และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วราวุฒิ ติรนันทน์ อดีตรองเลขาฯ กกต. นางอังคณา นีละไพจิตร อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชน นายแพทย์เปรมศักดิ์ เพียยุระ อดีตสมาชิกสส.พรรคไทยรักไทย
นายแล ดิลกวิทยารัตน์ นักวิชาการด้านแรงงาน นายชินโชติ แสงสังข์ จากสภาองค์การลูกจ้างแรงงาน นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เซเว่น ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) นายกัมพล สุภาแพ่ง อดีต ส.ส พรรคประชาธิปัตย์ นายณภพ ลายวิเศษกุล ลูกเจ้าของโรงแรมลายทอง จ.อุบลราชธานี เป็นต้น
อย่างไรก็ดีเมื่อสำรวจแบ็กกราวด์ของว่าที่ สว.แต่ละคนแล้ว ส่วนใหญ่ ล้วนมีความสัมพันธ์แนบแน่นกับ “บ้านใหญ่สีน้ำเงิน” หรือ “บุรีรัมย์คอนเนกชั่น” ว่ากันว่า มีการจัดตั้งกันอย่างเป็นการเป็นงาน ขณะที่พรรคการเมืองอื่น แม้ว่าต้องหลุดรอดเข้ามาได้เหมือนกัน เพียงแต่ว่าคงไม่เป็นกอบเป็นกำเท่า
แม้แต่เครือข่ายของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จากกลุ่มที่เรียกว่า “กลุ่มก้าวหน้า” คราวนี้อาจไม่ประสบผลดังที่หวังเอาไว้ แม้ว่าจะมีการเดินสาย ปลุกระดม เชิญชวน สั่งการให้ลงสมัครเข้ามาในเครือข่าย แต่ผลที่ออกมาก็ยังไม่น่าพอใจนัก และบางคนอาจจะไม่ใช่สายตรง แต่มีลักษณะเป็นแนวร่วม แนวทางเดียวกัน ที่พอเห็นชื่อ ก็เช่น รศ.ดร.นันทนา นันทวโรภาส นักวิชาการ ที่มีออกทีวีแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ที่เอนไปทางพรรคก้าวไกล ที่เข้ามาในสายสื่อสารมวลชน เป็นต้น
ส่วนรายชื่ออื่นๆ ยังมองเห็นไม่ชัด แต่ก็ถือว่า“เครือข่ายส้ม” คราวนี้ยังไม่มาก และถือว่าไม่ประสบความสำเร็จในการจัดตั้งหรือ “ฮั้ว” นั่นเอง
แต่ที่น่าผิดหวังมากที่สุดก็เห็นจะได้แก่ “เครือข่ายทักษิณ” ของ นายทักษิณ ชินวัตร ที่ต้องบอกว่า “เสียหายหลายแสน” เพราะแม้แต่ “น้องเขย” อย่างนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่เป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรี กลับพ่ายแพ้ ตกรอบสุดท้ายในการเลือกระดับประเทศ ขณะที่อีกคนหนึ่ง คือ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีต รองนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ตกรอบตั้งแต่การเลือกระดับประเทศรอบแรก ส่วนรายอื่นๆ หากเข้ามาได้ ก็ถือว่าไม่มีความหมาย เนื่องจากไม่มีพลัง ไม่มีแบ็กกราวด์ ที่โดดเด่นพอ
การตกรอบไม่ได้เป็น สว.ของ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่บอกว่าเสียหาย เนื่องจากตั้งแต่เห็นชื่อลงสมัครแล้ว ทำให้มองกันว่า มีการเตรียมนั่งเก้าอี้ประธานวุฒิสภา เป้าหมายเพื่อสร้างอิทธิพลในสภาสูงอีกรอบ หลังเคยเกิดขึ้นในยุค “สภาผัวเมีย” ที่พรรคไทยรักไทย เคยยึดเอาไว้อย่างเบ็ดเสร็จ และนำมาซึ่งการควบคุมองค์อิสระ เติมเต็มให้ทุกอย่างอยู่ในมือ
แน่นอนว่า การนั่งตำแหน่งประธานวุฒิสภา อาจจะไม่ง่ายนัก แต่หากเข้าไปได้ มันก็ย่อมมีการต่อรอง ล็อบบี้กันไม่ยาก และประวัติ ชื่อชั้น คนอย่างนายสมชาย ที่เป็น “น้องเขย” ย่อมไม่ธรรมดาอยู่แล้ว เหมือนกับในยุคที่นายทักษิณ ครองเมือง เขาก็ได้นั่งเก้าอี้สำคัญ ทั้งตำแหน่งข้าราชการประจำ มีการต่ออายุปลัดกระทรวงยุติธรรมจนเต็มเพดาน ต้องโยกมาเป็นปลัดกระทรวงแรงงานอยู่พักหนึ่ง แล้วกลับมาในตำแหน่งเดิม และสุดท้ายเป็นนายกรัฐมนตรีตาม“ใบสั่ง”
ถึงได้บอกว่า งานนี้ ฝ่าย นายทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย เสียหายหลายแสน แถมยังเสียหน้า เสียเครดิตตามมาด้วย เพราะขนาดนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ สอบตกแบบหมดรูป ไม่ติดแม้แต่ชื่อสำรอง แบบนี้ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เพราะการลงมาของนายสมชาย มันก็ไม่ต่างจากการ “แบกหน้าของทักษิณ” และครอบครัวชินวัตร ลงมาด้วย เชื่อว่าหลังจากนี้คงต้องมีการประเมินกันใหม่ เพราะอีกด้านหนึ่งมันสะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า พวกเขา “สิ้นมนต์ขลัง” แล้ว
ดังนั้น หากประเมิน หรือมองภาพรวมๆ ของการคัดเลือก หรือ การเลือกสว.ครั้งนี้ แม้ว่ากระบวนการจะออกมาในแบบ “พิลึกกึกกือ” แค่ไหนก็ตาม แต่อีกด้านหนึ่งมันก็ยังมีคนที่พอพึ่งพาได้ เข้ามาได้บ้างเหมือนกัน และยังเชื่อในความเป็นมืออาชีพ เข้ามาในสัดส่วนที่ใช้ได้เหมือนกัน และหากมองในแง่ดี ก็ยังมั่นใจว่าครอบงำไม่ได้ง่ายดายนัก แม้ว่าคราวนี้จะเห็นภาพของ“ส.ว.บ้านใหญ่” แต่ก็ถือว่าเข้ามาแบบกระจัดกระจาย เข้ามาหลายสาย เพราะส.ว.มีจำนวน 200 คน คงสั่งการไม่ได้ทั้งหมดแน่นอน !!