“สามารถ” เผย กมธ.แรงงาน เตรียมเรียก “ประกันสังคม” แจงปมนำเงินลงทุนในตลาดหุ้นช่วงขาลง หวั่นหากขาดทุนจะกระทบผู้ประกันตนกว่า 25 ล้านคน พร้อมหารือปม รพ.มงกุฎวัฒนะ ถอนตัว
วันนี้ (27 มิ.ย.) นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ที่ปรึกษาประจำคณะ กมธ.การแรงงาน ในฐานะโฆษกกรรมาธิการการการแรงงาน แถลงข่าวถึงความห่วงใยของคณะ กมธ.การแรงงาน ถึงกรณีกองทุนประกันสังคม โดยคณะ กมธ.ได้ตั้งคณะ อนุ กมธ.เพื่อพิจารณาศึกษาดูแลเรื่องการทำงานของกองทุนประกันสังคม ที่มีผู้ใช้แรงงานส่งเงินเข้ากองทุนประกันสังคม ตามมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 ข้อมูล ณ เดือนมีนาคม 2567 มีผู้ส่งประกันจำนวน 24,633,583 คน ซึ่งถือว่ามีจำนวนมาก แต่การใช้เงินของกองทุนมีการไปลงทุนในหลายส่วน เช่น การไปลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ที่อยู่ในช่วงขาลง หากขาดทุนมันจะกระทบต่อผู้ที่ส่งเงินประกันสังคมเกือบ 25 ล้านคน
“เรื่องนี้คณะกรรมาธิการให้ความสำคัญเป็นเรื่องเร่งด่วน เพราะคณะ กมธ. มีความห่วงใยว่าจะมีผลกระทบต่อแรงงานที่ส่งเงินเข้ากองทุน โดยในสัปดาห์หน้า คณะ กมธ.จะเชิญผู้บริหารกองทุนประกันสังคม เข้าร่วมประชุมเพื่อชี้แจงเรื่องการบริหารและการลงทุนของกองทุน เพราะวานนี้ โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ประกาศเตรียมถอนตัวจากการเป็นคู่สัญญาประกันสังคม ซึ่งผู้ประกันตนจำนวนมากกว่า 100,000 คน ที่ขึ้นทะเบียนกับ รพ.มงกุฎวัฒนะ ทางกรรมาธิการจึงไม่ได้นิ่งนอนใจ ก็จะมีการนำประเด็นนี้เข้าหารือในคณะอนุ กมธ.ในวันพุธหน้า เวลา 10.00 น.” นายสามารถ กล่าว
นายสามารถ กล่าวต่อว่า กมธ.ได้ลงพื้นที่ศึกษาดูงานการพัฒนาฝีมือแรงงาน ที่ จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา วันนี้แรงงานไทยที่ได้รับใบอนุญาตไปทำงานที่ต่างประเทศถดถอยลง เพราะเมื่อปี 2562 เรามีคนหางานที่ได้รับอนุญาตไปทำงานที่ต่างประเทศ 59,561 คน แต่ในปี 2567 มีเพียง 35,406 คนเท่านั้น หมายความว่า คนไทยที่ได้อนุญาตไปทำงานที่ต่างประเทศน้อยลง ก็เพราะการพัฒนาฝีมือของเราถดถอย ปัญหาแรงงานผีน้อยที่เกิดขึ้น ก็เพราะไม่สามารถไปทำงานตามช่องทางได้ เนื่องจากคุณสมบัติไม่ผ่าน
นายสามารถ ยังกล่าวต่อว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นประธาน กมธ.จึงมีความห่วงใย และเมื่อได้ลงไปดูศูนย์พัฒนาฝืมือแรงงาน จ.สมุทรปราการ ก็พบว่า หากย้อนไป 30 ปีที่แล้ว ศูนย์นี้ก็คงจะทันสทัย แต่ปัจจุบันเครื่องมือ และเครื่องจักร ล้าหลังมาก เนื่องจากงบประมาณที่จัดสรรให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงานน้อยมาก ถ้าเทียบกับกรมอื่นๆ ในกระทรวงแรงงาน กมธ.จึงกังวลกับงบประมาณดังกล่าวที่จะนำมาใช้พัฒนาฝีมือให้คนไทย ซึ่งวันนี้เราพยายามจะเร่งให้แรงงานไทยมีรายได้ที่สูงขึ้น และไม่ใช่แค่รายได้ในประเทศเท่านนั้น แต่รวมถึงรายได้จากต่างประเทศด้วย ถ้าเราสามารถส่งคนไทยไปทำงานต่างประเทศได้ และมีรายได้กลับมาในประเทศไทย อันนี้คือกำไร ที่จะเพิ่มรายได้ให้กับประเทศได้