“ส.ว.เสรี” มองกล่าวหาฮั้ว ส.ว.ต้องมีหลักฐาน แนะเอาผิดรายตัว อย่าล้มกระดาน ทำประเทศยุ่งเหยิง ฝาก ส.ว.ใหม่มีจิตสำนึกรับผิดชอบบ้านเมือง ชี้ สีไหนเข้ามาตามกระบวนการไปรังเกียจไม่ได้
วันนี้ (27 มิ.ย.) นายเสรี สุวรรรณภานนท์ ส.ว.กล่าวถึงกรณีการเลือก ส.ว.ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า มีการฮั้วเกิดขึ้น ว่า ตนพยายามจะให้ความเป็นธรรมและเป็นกลางในการเสนอความเห็นมาตลอด ข้อสำคัญคือ หลักกฎหมายที่กำหนดไว้ ได้เปิดช่องทางแนวทางให้คนที่มาสมัคร ไม่ลงคะแนนให้ตัวเองก็ได้ พอไม่ลงคะแนนให้ตัวเองก็ได้ มันก็เลยเป็นแนวทางวิธีการอย่างหนึ่ง ที่หากใครเห็นว่าผู้สมัคร ส.ว.คนใดเหมาะสม เขาก็จะสมัครมาเพื่อเลือกคนอื่น ไม่เลือกตัวเอง นี่จึงเป็นประเด็นเกิดขึ้นอีก โดนกล่าวหาว่า เมื่อไม่เลือกตัวเองก็ได้ 0 แต้ม พอได้ 0 แต้ม ก็บอกว่านี่ถูกซื้อตัวมา ถูกว่าจ้างมา มันก็อาจเป็นไปได้หรือไม่ใช่ก็ได้ ซึ่งหากจะกล่าวหาไปขนาดนั้นก็ต้องมีหลักฐาน ถ้าไม่มีหลักฐานไปกล่าวหาเขาไม่ได้ เมื่อไม่มีหลักฐานจะไปเล่นงานใครมันก็เป็นการยัดข้อหา เป็นการหาแพะมารับบาป ซึ่งผมก็ไม่เห็นด้วย และคิดว่าเราต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกๆ ฝ่าย
นายเสรี กล่าวต่อว่า ดังนั้น เราต้องยึดหลักให้ดีว่า การจะวินิจฉัยเรื่องเหล่านี้ให้ยุติในแนวทางใด เราต้องยอมรับว่ากติกาเป็นแบบนี้ ถ้ากติกาไม่ดี คุณก็ต้องไปแก้กติกาในอนาคต แต่ไม่ใช่ไปแสวงหาหลักฐานเพื่อให้คนกระทำความผิดให้ได้ อันนี้ผมไม่เห็นด้วย ส่วนจะได้ ส.ว.ใหม่มาทำหน้าที่ตามกรอบระยะเวลาหรือไม่นั้น ถ้า กกต.หนักแน่น ยึดมั่นในหลักกฎหมาย และความถูกต้อง ใครทำผิดก็ลงโทษและถูกตัดสิทธิกันไป ถ้า กกต.ยืนหยัดได้อย่างนี้ ตนคิดว่า ความผิดเป็นความผิดรายคน จะถึงขนาดไปล้มระบบ ล้มการเลือกตั้งเลย อันนี้ประเทศมันจะปั่นป่วน และยุ่งเหยิง ถ้าหาก กกต.ทำไปตามกฎหมายและมีความหนักแน่นด้วยสุจริตใจ ด้วยเหตุและผลการเลือกตั้งก็จะสำเร็จลงไปได้ อย่างไรก็ตาม ในคนหมู่มากเราก็ต้องยอมรับว่าการเมืองบ้านเราคนที่อยากจะชนะ อยากจะได้คะแนน ก็จะมีการทำอะไรผิดๆ เพื่อเอาเปรียบคนอื่น เพื่อให้ตัวเองได้คะแนน เพราะฉะนั้นถึงแม้ว่าการเลือกตั้งสำเร็จแล้ว กกต.ก็ต้องหาความจริงต่อไป เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและความถูกต้อง ตนเชื่อว่าถ้า กกต.ยึดหลักนี้การเลือก ส.ว.ก็จะสำเร็จลุล่วงไปได้ ส่วนคนทำผิดก็ต้องรับผิดชอบ
เมื่อถามถึงกรณีข้อครหา ส.ว.สีส้ม หรือ ส.ว.สีต่างๆ นายเสรี กล่าวว่า ถ้าหากเขามาตามกระบวนการ เขารณรงค์กันมา แล้วไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมายก็ห้ามเขาไม่ได้ เราจะไปรังเกียจว่านี่สีส้มนี่สีนู้นสีนี้มันไม่จบสิ้น มันก็กลายเป็นปัญหาที่จะยาวนานออกไป แล้วก็ตั้งข้อรังเกียจทำงานก็ลำบาก แต่สิ่งที่อยากจะฝากไว้บางทีจะมาจากแนวทางไหนก็ตาม มันอยู่ที่การทำหน้าที่ถ้าหากว่ามาแล้ว ทำหน้าที่รับผิดชอบ รู้ภารกิจ รู้งานของตัวเองว่าเข้ามาสู่ตำแหน่งในสภาแล้วมาทำอะไร รักษาผลประโยชน์ให้กับประเทศ และพี่น้องประชาชน อันนี้คือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว ถ้าคุณมีจิตสำนึก มีความรับผิดชอบ ทำหน้าที่ให้มันดีมันก็ดีได้ แต่บางคนภาพลักษณ์ดีเข้ามาเป็นที่น่าเชื่อถือ พออยู่ๆ ไปถูกการเมืองกลืน ไอ้นี่น่ากลัวกว่า
นายเสรี กล่าวต่อว่า คนออกกฎหมายที่เป็นฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายนิติบัญญัติก็ดี พึงต้องระมัดระวัง ถ้ามาแล้วเอาแต่ประโยชน์ออกกฎหมายเพื่อตัวเอง เห็นพวกเดือดร้อนจะออกกฎหมายนิรโทษกรรม และให้พวกของตัวเองพ้นจากการกระทำความผิดอะไรต่างๆ บางทีชาวบ้านเขาก็เห็นแล้วก็อาจจะมองว่าไม่เป็นธรรม เพราะคนทั่วไปไม่ได้ถูกปฏิบัติแบบนี้ ดังนั้นความเป็นนักการเมืองไม่ว่าจะเป็น ส.ว. หรือฝ่ายไหนก็ตาม ถ้าตระหนักและสำนึกรับผิดชอบต่องานในหน้าที่ทุกๆ ฝ่ายมันก็ทำให้บ้านเมืองเจริญก้าวหน้าไปได้ และจะทำให้การบริหารประเทศมั่นคง พอมั่นคงแล้วผลที่ออกมาก็คือรัฐบาลมีเสถียรภาพ ทำงานอะไรได้รับความร่วมมือ ประชาชนและประเทศชาติได้ประโยชน์ เป็นแนวทางทางการเมืองที่มันควรจะเกิดขึ้น รวมทั้งต้องเลิกทะเลาะในการแย่งชิงอำนาจและผลประโยชน์กัน มีความรับผิดชอบมากๆ การเมืองมันก็จะเปลี่ยนแปลงได้