xs
xsm
sm
md
lg

เพื่อไทยอาการหนัก “เถ้าแก่”ลงมือเอง !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมืองไทย 360 องศา


หลากหลายมุมมองสำหรับการเคลื่อนไหวของ นายทักษิณ ชินวัตร ในช่วงนี้ ที่เรียกว่า “ทุ่มสุดตัว” ส่วนผลจะออกมาแบบไหนอีกไม่นานก็คงพิสูจน์ให้เห็นกับตาแน่นอน


ล่าสุดถึงกับลงทุนลงไปคลุกวงใน “ขันน็อต” บริหารจัดการภายในพรรคเพื่อไทยอย่างเต็มตัว เอาเป็นว่าแบบไม่ต้องแคร์สายตาใครกันแล้ว กับภาพที่เห็นคือการปรากฏตัวของ นายทักษิณ ที่พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา ไปเป็นวิทยากรพิเศษให้กับบรรดา ส.ส.รุ่นใหม่ พร้อมกับให้ข้อแนะนำมากมาย

ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) มีการเรียนคลาสเพื่อไทยอคาเดมี (Pheu Thai Party Academy) โดยมี สส.รุ่นใหม่เข้าร่วมจำนวนมาก อาทิ น.ส.วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ สส.เชียงราย นายธนาธร โล่ห์สุนทร สส.ลำปาง น.ส.ณัฐจิรา อิ่มวิเศษ สส.นครราชสีมา เป็นต้น

สำหรับวิทยากรพิเศษร่วมบรรยาย คือ นายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเดินทางเข้าพรรค พร้อม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคพท. นอกจากนี้ นายทักษิณ ยังได้ให้กำลังใจผู้ที่อภิปรายร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ในวันที่ 19-21 มิถุนายน ที่ผ่านมาด้วย โดยบอกกับ สส.ว่า ตัวเองได้ติดตามการอภิปรายของสส.รุ่นใหม่อยู่ ซึ่งดูแล้วก็อภิปรายไปในแนวโน้มที่ดี แต่ก็ขอให้ทุกคนฝึกเพิ่มเติม ขออย่าทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว ให้คอยใฝ่รู้และเรียนรู้อยู่เสมอ

นายทักษิณ ได้พูดกับสส.รุ่นใหม่ช่วงหนึ่งว่า “หากผมไม่ติดอะไรแล้วก็พร้อมมาเป็นผู้ช่วยหัวหน้าพรรคและให้คำปรึกษา อะไรที่เกี่ยวกับพรรค ก็จะเข้ามาช่วยดูหากมีโอกาสหรือจังหวะ”

แน่นอนว่า การมาบรรยายครั้งนี้ของนายทักษิณ ชินวัตร สร้างความประทับใจแก่สส.ที่ได้เข้าร่วมหลายคน ถึงกับนำรูปที่ได้ถ่ายร่วมกับนายทักษิณมาโพสต์ในโซเชียลมีเดียเพื่อแสดงความดีใจ อาทิ น.ส.วิสาระดี ได้โพสต์ภาพถ่ายคู่กับนายทักษิณ ลงเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยมีข้อความระบุว่า “ความฟินของวัน คนฉลาด จะไม่ยึดตามแต่หนังสือ แต่จะนำความรู้ มารู้จักใช้ให้ทันโลก”

หากมองในมุมทั่วๆไป ก็เหมือนกับการมาเยี่ยมพรรค มาให้กำลังใจลูกพรรคในฐานะ “ผู้นำทางจิตวิญญาณ” ที่ทุกคนในพรรคให้ความเคารพนับถือ บูชา แต่อีกมุมหนึ่งมันสะท้อนภาพชัดเจนว่า เขาจำเป็นต้อง “ลงมือ” เอง เพราะสถานการณ์ของพรรคเพื่อไทยกำลังย่ำแย่ อย่างน้อยก็ไม่เติบโตไปตามที่วาดหวังเอาไว้

เพราะต้องไม่ลืมว่าที่ผ่านมา นายทักษิณ ลงทุนผลักดัน “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาว ลงสู่สนามการเมือง เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ซึ่งมองตื้นๆ แค่ไหนก็ย่อมมองออกว่า งานนี้เขาต้องเต็มที่ เพื่อหวังให้ทายาทสายตรงคนนี้ได้เป็นนายกรัฐมนตรีให้ได้

เริ่มตั้งแต่การเลือกตั้งที่ผ่านมา น.ส.แพทองธาร ก็เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี อันดับหนึ่ง ของพรรคเพื่อไทย โดยตัวเองก็ออกโรงหนุนสุดตัว แต่ผลการเลือกตั้งที่ออกมา ก็อย่างที่รับรู้กันอยู่ว่า พ่ายแพ้อย่างหมดรูป แพ้แม้กระทั่งในบ้านเกิดของตัวเองที่จังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงในพื้นที่อื่นๆ ในภาคเหนือ และภาคอีสาน ที่ถือว่าเคยเป็นฐานเสียงหลัก เป็น “ของตาย” ส่งเสาไฟฟ้าก็ได้รับเลือก อะไรประมาณนั้น เมื่อทุกอย่างผิดคาด มันก็ต้องฉุกคิดและแก้เกมใหม่

การเข้ามาของ นายทักษิณ ชินวัตร หากมองให้ภาพก็ต้องบอกว่ากำลังอยู่ในลักษณะ “หน้ามืด” อยู่เฉยไม่ได้แล้ว แม้ว่าจะมีความเสี่ยงแค่ไหนก็ตาม เพราะตัวเองยังอยู่สถานะ“นักโทษเด็ดขาด” ยังอยู่ในระหว่างการพักโทษ ยังเงื่อนไขพันธนาการ รวมไปถึงยังเป็นจำเลยคดี มาตรา 112 ที่มีโทษสูง เป็นชนักปักคาหลังอยู่ก็ตาม

แต่เมื่อหันกลับไปพิจารณาจากสถานการณ์รอบตัวที่เป็นอยู่ ทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่คิด ไม่ว่าจะเริ่มจาก “เครดิต” ของตัวเอง ที่เสื่อมถอยที่พิสูจน์ได้ตั้งแต่การเลือกตั้งคราวที่แล้ว ที่แพ้หมดรูป มาจนถึงการตัดสินใจ “ข้ามขั้ว” เพื่อจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเป้าหมายก็เพื่อเข้ามายึดกุม “อำนาจรัฐ” เอาไว้ก่อน หลังจากห่างหายไปนาน แต่ขณะเดียวกันกลายเป็นว่า การข้ามขั้วดังกล่าว กลับมีผลลบมากกว่าบวก

เพราะหลังจากนั้นบรรดา “ฐานเสียง” ทั้งของพรรคเพื่อไทย และครอบครัว “ชินวัตร” ที่ผูกติดกันต้องสูญเสียกระจัดพรัดพรายออกไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะการสูญเสียให้กับพรรคคู่แข่งอย่างพรรคก้าวไกล ซึ่งแม้ว่ามองในเชิงลึกแล้วทั้งคู่อาจไม่ใช่ศัตรูกันจริงจังนัก เนื่องจากระดับ “เจ้าของ” ยังมีความสัมพันธ์ที่ดี และยังมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกันอยู่

แต่ในทางการเมือง ก็ต้องแข่งขัน เพื่อเอาชนะกันก่อน หรือเมื่อผลประโยชน์ตรงกันก็ต้องหันมาจับมือร่วมกันก็เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ที่จับตาก็คือ ร่างกฎหมาย “นิรโทษกรรมเหมาเข่ง” ที่ทั้งสองพรรคมีผลประโยชน์ร่วมกัน

เมื่อวกมาที่ นายทักษิณ ชินวัตร นอกเหนือจากการเดินสายถี่ยิบ มีการพบปะเดินเข้าหากลุ่มการเมือง “บ้านใหญ่” แต่ละจังหวัด ทั้งในระดับท้องถิ่น แกนนำ “กลุ่มคนเสื้อแดง” ที่พยายามดึงกลับมา ซึ่งแม้ภาพภายนอกจะแสดงให้เห็นว่าทุกอย่างดูคึกคัก กระฉับกระเฉง แต่เมื่อพิจารณาตามความเป็นจริง มันยังไม่เป็นไปตามนั้น

พิสูจน์ได้จากผลสำรวจที่ออกมาตรงกันทุกสำนัก พรรคเพื่อไทย รัฐบาล รวมไปถึง “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ยังไม่ปังเท่าที่ควร เมื่อเทียบกับคู่แข่งจากพรรคก้าวไกล ที่มีความนิยมทั้งกันไม่เห็นฝุ่น

ที่ผ่านมา นายทักษิณ พยายามเดินสายไปยังฐานเสียงหลัก ที่เป็น “สัญญลักษณ์” ไม่ว่าภาคเหนือที่ จ.เชียงใหม่ ภาคอีสานที่ จ.นครราชสีมา หรือกระทั่งที่ จ.ปทุมธานี มีการยกขบวนคณะใหญ่ไปทั้งครอบครัว ไปสนับสนุนผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีของพรรค ซึ่งกรณีดังกล่าวน่าจับตายิ่งนัก เพราะเป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงความศรัทธา ว่ายังมีอยู่แค่ไหน หากชนะแม้อาจมองว่า “แค่เสมอตัว” ได้ความศรัทธากลับคืนมา แต่หากผลออกมาเป็นตรงกันข้าม มันก็จะยิ่งเสียหน้า เกิดความเสื่อมทรุดลงไปอีก และเมื่อพิจารณากันจากแนวโน้มแล้ว มีแววออกมาแบบ “อย่างหลัง” มากกว่า

ดังนั้นหากพิจารณากันตามสถานการณ์ และการเคลื่อนไหวของ นายทักษิณ ชินวัตร คราวนี้ทางหนึ่งมันก็ไม่ต่างจากสถานการณ์ที่ย่ำแย่ ทั้งในพรรคเพื่อไทย และรัฐบาล เข้าขั้นลำบาก อาการค่อนข้างหนัก ถึงขนาดคนระดับ “เถ้าแก่” ต้องฝืนสังขารย้อนกลับมาลงมือบริหารจัดการเองอีกครั้ง และครั้งนี้ถึงขนาดพูดชัดว่า “จะเข้าช่วยหัวหน้าพรรค” ความหมายก็คือ “ต้องลงมือเอง” นั่นแหละ !!


กำลังโหลดความคิดเห็น