"วิชัย สังข์ประไพ" ไม่หวั่นถูกฟ้อง หลังแสดงความเห็นเรื่องความขัดแย้งในองค์กรตำรวจ ย้ำมีเจตนาสุจริต ทุกความเห็นเป็นเรื่องข้อกฎหมาย หวังเห็นองค์กรตำรวจเป็นที่พึ่งของประชาชนแท้จริง เชื่อคำสั่งให้ "โจ๊ก" ออกจากราชการถูกต้องแล้ว ส่วนคนถูกสั่งก็ร้องขอความเป็นธรรมหรือร้องศาลได้
พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ หรือ ‘ผู้การแต้ม’ กล่าวในรายการ "แต้มต่อ" เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2567 โดยตอบคำถามผู้ดำเนินรายการ ดร.ดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย ที่ถามถึงประเด็นที่อาจเป็นบุคคลที่เข้าข่ายถูกฟ้องร้องจากกรณีที่ออกมาให้ความเห็นถึงปัญหาและสถานการณ์ความขัดแย้งในองค์กรตำรวจว่า ทุกวันนี้ประชาชนไม่เชื่อมั่นตำรวจ ไม่ศรัทธาตำรวจ และไม่ไว้ใจตำรวจ เพราะประชาชนมองว่าพึ่งตำรวจไม่ได้ ไม่สามารถให้ความเป็นธรรมแก่ประชาชนได้ ซ้ำยังเป็นผู้ก่อเหตุกระทำความผิดซะเอง ทำให้ประชาชนเรียกร้องให้ปฏิรูปและแก้ไของค์กรตำรวจ
อย่างไรก็ตาม ในองค์กรตำรวจมีทั้งคนดีและไม่ดี ซึ่งคนที่กระทำความผิดมี แต่ไม่เยอะ มองว่าการปฏิรูปตำรวจสิ่งที่ทำได้เร็วที่สุดคือการปฏิรูปการทำงาน เพื่อให้เป็นที่พึ่งของประชาชน ไม่ต้องไปผ่านสภาฯ หรือนายกฯ อยู่ที่ผู้นำองค์กรสามารถสั่งการและดำเนินการได้เลย และผู้นำต้องทำตัวเป็นแบบอย่าง เพราะ ‘ถ้าหัวไม่ส่ายหางก็ไม่กระดิก’
ผู้การแต้ม กล่าวว่า การออกมาให้ความเห็นเรื่องการทำงานและการปฏิรูปตำรวจ เป็นเรื่องข้อกฎหมายทั้งหมด ไม่ได้ว่าใครผิด มีจุดยืนชัดเจนด้วยความหวังดีและต้องการเห็นองค์กรตำรวจเป็นที่พึ่งของประชาชน ไม่หวั่นหากจะถูกฟ้องร้อง เพราะมีเจตนาสุจริตในการให้ความเห็นผ่านสื่อ ไม่มีจุดประสงค์ที่จะเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ส่วนในประเด็นคำสั่งที่ลงนามโดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะรักษาราชการแทน ผบ.ตร. เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2567 ให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ออกจากราชการไว้ก่อน เห็นว่าเป็นคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว ต้องติดตามการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ซึ่งจะประชุมประเด็นการให้ออกจากราชการของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ซึ่งผลการตัดสินในครั้งนี้จะเป็นการวางไปสู่อนาคต และวางบรรทัดฐานในการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจต่อไป
ทั้งนี้ ผู้การแต้มยังมองว่าการที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ในฐานะข้าราชการตำรวจ โดนคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนก็สามารถร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมไปยังคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) ซึ่งมีอำนาจรับเรื่องร้องเรียนจากตำรวจทุกระดับทั่วประเทศ แต่ถ้า ก.พ.ค.ตร.เห็นด้วยกับคำสั่งให้ออกจากราชการ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ก็ยังสามารถไปร้องต่อศาลปกครองสูงสุดได้ ย้ำว่าในทางคดี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ เพราะศาลยังไม่มีคำพิพากษาตัดสิน แต่ประเด็นที่ยังเป็นข้อถกเถียงคือเรื่องข้อกฏหมาย และการลงโทษทางวินัยในส่วนของข้าราชการตำรวจ