อ.นพ.ชนินทร์ ลีวานันท์ แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู สถาบันกัญชาทางการแพทย์ มหาวิทยาลัยโพธิศาสตร์ ให้ความเห็นเรื่องความพยายามนำกัญชากลับเป็นยาเสพติด ว่า แน่นอน เมื่อมันเกิดขึ้น มันจะกระทบกับผู้ป่วยจำนวนมาก ที่ใช้กัญชา รักษาตัวเอง ซึ่งส่วนใหญ่ คนที่มาถึงจุดนี้ เพราะเขาป่วย หรือมีอาการ ที่แพทย์แผนปัจจุบัน รักษาไม่หายแล้ว บางคน คุณหมอ ขอให้กลับบ้าน ไปนอนรอวาระสุดท้ายที่บ้าน แต่คนไม่อยากตาย ก็ต้องสู้ต่อ
“ผมเคยเจอคนไข้ ที่เป็นมะเร็งตับ หมอหมดทางแล้วจริง คนไข้กลับบ้าน ไปหาแพทย์ทางเลือก ใช้กัญชารักษา ปลูกกัญชา ใช้เอง ที่บ้าน ปรากฏว่าอยู่มาได้ แบบนี้ แพทย์ทางหลักต่องมีคำอธิบาย ไม่ใช่ว่า จะกล่าวโทษกัญชาอย่างเดียว กล้าพอไหม ที่จะพูดว่า กัญชา มีแต่โทษ หาประโยชน์ไม่ได้เลย ผมเชื่อว่า ไม่มีใครพูด เพราะทุกคนรู้อยู่แก่ใจ ว่ากัญชามีประโยชน์มาก แต่ต้องใช้ให้เป็น แล้วเรามาไกล เราเรียนรู้แล้ว ถ้านำกลับไปเป็นยาเสพติดอีก ก็ล้าหลังอีก”
ที่ชาวบ้าน ใช้แล้ว ได้ผลคือ น้ำมันกัญชาสูตร “ลุงตู้ วัดจอมทอง” สูตรนี้เข้มข้น กว่าสูตรขององค์การเภสัชกรรม เรียกว่าใช้ได้ผลจริง ส่วนที่มีการบอกว่า ยากัญชา ใช้ไม่ได้ผล เพราะไปใช้สูตรที่มันเจือจางมาก ตรงนี้ ก็ต้องพูดความจริง ว่าทำไมใช้ไม่ได้ผล ไม่ใช่ว่าพูดอย่างเดียวว่าใช้ไม่ได้ผล แล้วไม่ลงไปดูที่รายละเอียดสำคัญ
“กัญชา มันเป็นสมุนไพร ใช้ง่าย สอนง่าย เรียนง่าย นอกจากจะใช้โดยหมอพื้นบ้าน บางสูตรประชาชน ไปทำยาเองได้เลย อาทิสูตร “ลุงดำ เกาะเต่า” ตอนนี้โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ก็นำมาต่อยอด กัญชา มีประโยชน์ ตอนปลอดล็อก แพทย์ทางหลัก ยังหันมาสนใจ เข้าเรียนหลักสูตรกันเป็นจำนวนมาก ถือว่าเป็นทางเลือกด้านการรักษาพยาบาล แล้วประเทศไทย มีองค์ความรู้อยู่แล้ว นี่คือเวลาแห่งการพัฒนา เพื่อเป็นสากล แล้วอยู่ดีๆ ก็จะเลิกเสียเฉยๆ เพราะไปเชื่อคนมีอคติ”
เมื่อถามว่า แต่ฝ่ายค้านกัญชา เป็นห่วงเยาวชน และคนไทย เพราะมองว่า กัญชามีอันตราย ต่อสมอง อ.นพ.ชนินทร์ กล่าวว่า อะไรก็ตาม ใช้มากเกินไป ย่อมมีปัญหา อะไรก็ตาม ล้วนมี 2 ด้าน รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ ก็ชนคนตายได้ ทำไมไม่ไปแบนบ้าง กัญชา ถ้าใช้เป็น ย่อมมีประโยชน์ วิธีการคืออกกฎหมายควบคุม ก็เห็นว่า มีพระราชบัญญัติแล้ว แล้วทำไมไม่ไปต่อ เพราะการเมืองขวางการเมืองรึเปล่า กลัวเพื่อนจะมีคะแนนมากกว่า ไม่นึกถึงประชาชน