xs
xsm
sm
md
lg

“ร่มธรรม” หวั่น งบฯ 68 ก่อ “พายุหนี้” เพื่อเอามาแจกแบบพิสดาร สวนทางสภาพเศรษฐกิจ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วันนี้ (10 มิ.ย.) นายร่มธรรม ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในวันที่ 19-21 มิถุนายน นี้ ร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 จะเข้าสู่การพิจารณาของสภา แต่ที่น่ากังวล คือ ถึงตอนนี้ ส.ส.และพี่น้องประชาชนยังไม่ได้เห็นเอกสารฉบับเต็มเลย เนื่องจากยังต้องรอให้ผ่านการพิจารณาของ ครม. ในวันที่ 11 มิ.ย. เสียก่อน ทำให้เหลือเวลาให้ ส.ส.ได้ศึกษารายละเอียดทั้งหมดประมาณหนึ่งสัปดาห์เท่านั้น
.
แต่ถึงอย่างนั้น ตนก็อยากให้พี่น้องประชาชนติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะอาจมีการหมกเม็ดอะไรไว้ เนื่องจากข้อมูลล่าสุดที่มีการเปิดเผยออกมา พบว่า งบฯ 68 มีข้อสังเกตหลายประการ ที่จะพาประเทศไทยเข้าสู่ “ยุคกู้หนี้ยืมสิน” อย่างเต็มตัว สวนทางกับความสามารถในการหารายได้ ยิ่งเวลาผ่านมาเกือบปีแล้ว ยิ่งพิสูจน์ฝีมือของรัฐบาลเศรษฐา ได้เป็นอย่างดี ว่า ไม่สามารถทำให้พี่น้องประชาชนมีกินมีใช้ มีเกียรติมีศักดิ์ศรีไปพร้อมกันได้ตามคำโฆษณาเพื่อหาเสียงเลย
.
นายร่มธรรม กล่าวต่อไปว่า ด้วยการที่รัฐบาลเศรษฐา มีบาดแผลฝังลึก จึงหวั่นไหวกับคำว่าตระบัดสัตย์ค่อนข้างมาก ทำให้ต้องพยายามทุกทางเพื่อให้นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต เดินหน้าได้ อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่า ตอนพรรคเพื่อไทยเสนอนโยบายนี้ในการหาเสียงกับประชาชน น่าจะยังคิดไม่เสร็จ ทำให้แนวทางเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตลอด ที่สำคัญคือ ตอบไม่ได้ว่าจะเอาเงินจากไหนมาทำโครงการ แต่ตอนนั้นปฏิเสธเสียงแข็งทุกเวทีว่าไม่กู้แน่นอน อย่างไรก็ตาม หลังจากได้เห็นหน้าตาคร่าวๆ ของงบฯ 68 แล้ว ต้องบอกว่าเป็นมหกรรมการกู้ครั้งใหญ่ เพื่อเอามาทำโครงการนี้ ภายใต้คำว่าการตั้งงบแบบขาดดุล ซึ่งตนเชื่อว่าจะพัฒนากลายเป็น “พายุหนี้” ที่ส่งผลกระทบต่อไประยะยาวอย่างแน่นอน
.
“งบฯ 68 เป็นงบแห่งการกู้หนี้ยืมสินเพื่อเอามาแจกแบบพิสดาร โดยปลายทางของเส้นเงินแสนล้านจะแบ่งกันไปกระจุกอยู่ในกระเป๋าเจ้าสัวไม่กี่คน ส่วนกระเป๋าตังค์ของรัฐน่าจะฉีก เพราะเป็นการเสนอตั้งงบประมาณแบบขาดดุลวงเงิน 3,752,700 ล้านบาท โดยปี 68 รัฐบาลคาดว่าจะมีรายได้สุทธิ จำนวน 2,887,000 ล้านบาท ส่งผลให้งบฯ 68 มีการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 865,700 ล้านบาท ที่ต้องขอกู้เพิ่ม เมื่อนำมาบวกกับวงเงินที่เพิ่งขอกู้เดิมปี 67 จำนวน 693,000 ล้านบาท ก็จะเกือบเต็มกรอบวงเงิน ตามเงื่อนไข พ.ร.บ. วินัยการเงินการคลัง พ.ศ. 2561 ที่กำหนดไว้ 865,740 ล้านบาท การกู้เต็มเพดานขนาดนี้ ถือว่ามีความเสี่ยงสูงมาก หากมีสถานการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้นในอนาคต รวมถึงจะเป็นภาระผูกพันจากดอกเบี้ยที่ต้องตั้งงบปีถัดๆ ไปมาจ่าย ทำให้การจัดสรรงบประมาณเพื่อการพัฒนาหรือลงทุนใหม่ๆ มีข้อจำกัดมากขึ้น เสมือนเป็นการเบียดบังโครงการอื่นๆ เพื่อมาตอบสนองเพียงมาตรการเดียว ทำให้ไม่สามารถพัฒนาหลายๆ มิติไปพร้อมกันได้

“นอกจากนี้ ผมมีข้อสังเกตว่า มีการตั้งหัวข้อใหม่ผุดขึ้นในงบกลางที่ไม่เคยมีในงบกลางปี 67 คือ ค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ วงเงิน 152,700 ล้านบาท คาดว่า งบก้อนนี้น่าจะเพื่อรองรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเช่นกัน และเมื่อไปดูรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง ในปีงบฯ 68 กลับไม่ได้ตั้งไว้เลย เมื่อเทียบกับปีงบฯ 67 จะเห็นว่าเคยตั้งไว้ 118,361.1 ล้านบาท เช่นเดียวกับรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินทุนสำรองก็ไม่มีการจัดตั้งงบประมาณไว้เลยเช่นกัน”

นายร่มธรรม กล่าวต่อไปว่า จากข้อมูลนี้พบว่า การขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้นจากปีงบฯ 67 ถึง 24.9% และคิดเป็นสัดส่วน 4.4% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ขณะที่ ปี 67 มีสัดส่วน 3.7% ของ GDP โดยก่อนหน้าที่มีคำเตือนจากทั้ง ธนาคารแห่งประเทศไทย และ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ว่า รัฐบาลควรลดขนาดการขาดดุลงบประมาณและกำหนดมาตรการที่ชัดเจนในการเพิ่มรายได้และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายภาครัฐ เพื่อให้มีพื้นที่ทางการคลังเพียงพอต่อการรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของระบบเศรษฐกิจและการเงินโลก รวมถึงสถานการณ์ฉุกเฉินในระยะข้างหน้า เนื่องจากต้องยอมรับว่าขณะนี้มีความตึงเครียดในสถานการณ์โลกค่อนข้างสูง ส่งผลต่อต้นทุนหลายอย่าง เช่น พลังงานและอื่นๆ รวมถึงปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ที่มีแรงกดดันต่อไทยสูง อาจส่งผลต่อสภาวะเศรษฐกิจไทยในระยะกลางและระยะยาวได้

“งบฯ 68 คือ การก่อตัวของพายุหนี้ลูกใหญ่ ในขณะที่เศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอน และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยค่อนข้างมาก แต่เนื่องจากเศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะซึมต่อเนื่องมายาวนาน ผมจึงเห็นด้วยกับมาตรการเติมเงินเข้าไปในมือประชาชนเพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย แต่การกระตุ้นเศรษฐกิจ เติมเงินไปถึงมือประชาชนนั้น สามารถทำได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ โครงการสวัสดิการแห่งรัฐต่างๆ การเพิ่มเบี้ยเด็กแรกเกิดและคนชรา รวมถึงการประกันรายได้ให้เกษตรในพืชบางชนิด เช่น ปาล์ม ข้าว ข้าวโพด มัน ในแบบที่พรรคประชาธิปัตย์เคยทำ เป็นการเติมเงินเข้าไปในระบบเพื่อให้เกิดรายได้จากงานที่ทำ ไม่จำเป็นต้องทำให้ซับซ้อนหรือมุ่งเป้าเฉพาะโครงการดิจิทัลวอลเล็ตอย่างเดียว ซึ่งไปทำให้การจัดสรรงบประมาณรวนและสะท้อนว่าไม่ได้เป็นการจัดสรรตามลำดับความสำคัญที่สอดคล้องเหมาะสมกับสถานการณ์ แค่ต้องการให้เกิดเพราะกลัวเสียหน้าเท่านั้น ปัญหาในการจัดงบประมาณครั้งนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก ผมจึงอยากให้พี่น้องประชาชนช่วยกันติดตามการอภิปรายงบ 68 ที่กำลังจะมีขึ้นกลางเดือนนี้อย่างใกล้ชิด” นายร่มธรรม ระบุ
กำลังโหลดความคิดเห็น