วันนี้(6 มิ.ย.)นายแพทย์สมยศ กิตติมั่นคง อาจารย์พิเศษด้านกัญชาเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา และผู้เขียนหนังสือ กัญชาคือยารักษามะเร็ง ให้ความเห็นเรื่องมีความพยายามนำกัญชากลับเป็นยาเสพติด ว่า ถ้าทำลงไป เท่ากับตัดโอกาสชาวบ้านที่ไม่มีทางเลือก มันมีคนที่ต้องพึ่งตนเอง คนที่หมดความหวังจากวิธีอื่นแล้ว มันเหมือนกันตัดโอกาสจากการมีชีวิตรอด
สารในกัญชา มี 400 – 500 ตัว เรามาสนใจกันแค่ 2 สาร แต่สารอีกเกือบ 500 เราไม่รู้จักเลย เราสนใจแค่ THC CBD บางสายพันธุ์ มันก็มีสาร ซึ่งมีคุณสมบัติ ที่ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ และเราไม่ไปให้ความสนใจกับมัน แล้วตนมองว่า เราเข้าไปวุ่นวายกับชาวบ้านเกินไป เห็นชาวบ้านใช้ แล้วเป็นกังวล ทั้งที่เขาใช้มานานแล้ว เป็นยาสมุนไพร เราเห็นความเป็นห่วงเกินไป ทั้งที่ชาวบ้านเขาใช้พึ่งพาตนเอง ลำพังตัวสมุนไพร มันไม่ได้มีพิษมากมาย แล้วมันมีประโยชน์ มันรักษาอาการเจ็บป่วยได้
ที่บอกว่า ใช้แล้วเป็นโรคจิต เพ้อ เพี้ยน เป็นจิตเภท มันมาจากกัญชาหรือ อันนี้ ต้องถามไปถึงการทำข้อมูลก่อน หรือเขาเป็นจิตเภท อยู่แล้ว พอเขามาใช้กัญชา แล้วไปเหมารวมว่ามาจากกัญชา ตนทำการรักษาคนไข้ ไม่เคยเจอ คนที่ใช้กัญชาแล้วเป็นจิตเภท ส่วนเรื่องง่วงหงาวหาวนอน ถ้าใช้กัญชาปริมาณสูง มันมีอาการอยู่แล้ว อันนี้ เรื่องธรรมชาติ แต่บางที คนที่ต้านกัญชาก็ไปบอกว่า กัญชาทำให้คลุ้มคลั่ง ทั้งที่ฤทธิ์ ตรงกันข้าม คุณไปเอาข้อมูลมาจากไหน ต้นกัญชา ก็ต้น กัญชา ยาบ้า ก็ยาบ้า ตอนนี้ ให้ข้อมูลสับสนกันไปหมด คนที่ต้านกัญชา บางคนบอก กัญชาทำให้ง่วง ทำให้เกิดอุบัติเหตุ คนที่ต้านกัญชาบางกลุ่ม กลับบอกว่ากัญชาทำให้คลั่ง ตกลงที่ท่านพูดกัน อะไรคือความจริง
ถ้าเอากัญชากลับเป็นยาเสพติด คนติดคุกเป็นล้านแน่นอน เพราะตอนที่ปลดล็อก ชาวบ้านดีใจขอปลูกกัน แล้วก็ปลูกเต็มไปหมด ใช้เป็นสมุนไพร ขายเป็นพืชเศรษฐกิจ แต่ถ้ากลับเป็นยาเสพติด คนที่เขาปลูกอยู่จะทำอย่างไร มันจะกลายเป็นล็อกกฎหมาย ซึ่งผมเชื่อว่า ชาวบ้านไม่เลิกปลูก แล้วมันจะสร้างความโกลาหลทั้งประเทศ อันนี้ คือสถานการณ์ภายใน และมันจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั่วโลกด้วย นโยบายชักเข้า ชักออก ใครเขาอยากมาลงทุน เขาจะมองว่า กัญชา คุณปลดล็อกมายิ่งใหญ่ เรียกให้นักลงทุน มาลงทุน แล้วอยู่ดีๆ ก็ดึงกลับไปเป็นยาเสพติด เขาจะมองอย่างไร เชื่อว่าเขาไม่มองเรื่องกัญชา แต่เขาจะมองเรื่องอื่นๆ ในอนาคต ทุกนโยบายของประเทศนี้ มันไม่มีความแน่นอน รัฐบาลพลิกไป พลิกมา ใครอยากจะมาลงทุน อย่าลืมว่า นักลงทุน เขาไม่ได้มาแค่ 2-3 ปี แต่เขามองการไกลนะ นักลงทุนไทย ตอนนี้ ก็งงกับสิ่งที่รัฐบาลทำเหมือนกัน
แล้วที่บอกว่า ถึงเอากลับไปเป็นยาเสพติด ยังใช้กัญชาทางการแพทย์ได้ ผมถามว่า จะนิยามการใช้กัญชาทางการแพทย์อย่างไร การใช้ทางการแพทย์ต้องรอหมอสั่งใหม ถ้าใช่ มันก็กระทบกับผู้ป่วย เพราะผู้ป่วยบางคน ชอบใช้ธรรมชาติบำบัด อันนั้นเรียกว่าใช้เพื่อสุขภาพ ใช้เป็นยาสมุนไพร ชงเป็นชา ทำยาหม่อง แต่คุณหมอไม่จ่ายยา เพราะหมอเองก็ไม่ถนัดเรื่องนี้ ไม่เชื่อมั่น ไม่มีข้อมูล โอกาสของคนไข้ ก็หายไป ซึ่งหมอไม่ผิด แต่ชาวบ้าน เขามีภูมิปัญญาที่สั่งสมกันมา บางทีมันไม่ควรต้องให้หมอมากำกับ คือ กัญชา มันเป็นสมุนไพร มันต้องให้ประชาชนใช้ได้ รักษา เยียวยาตัวเอง การใช้ทางการแพทย์ อาจจะไปนิยามเรื่องใช้สารสกัด มีความเข้มข้น แต่ชาวบ้านเขาใช้เพื่อสุขภาพ แล้วถ้าเหมาไปทางการแพทย์หมด ก็เท่ากับชาวบ้าน ใช้เองไม่ได้แล้ว
“ผมคิดว่าท่านรัฐมนตรีสมศักดิ์ เทพสุทิน ท่านต้องใช้วิจารณญาณแล้วนะ เพราะมันมีข้อมูล 2 ฝั่ง อะไรที่มัเป็นความจริง อะไรที่เป็นคาดการณ์ อะไรที่คาดเดา หรือข้อมูลไหน มันล้าสมัยไปแล้ว บางท่าน เอาข้อมูลเก่า มาตีฟู เพราะเชื่อแบบนั้น มีอคติแบบนั้น มันถึงต้องมาเปิดเวทีให้ทั้ง 2 ฝ่าย เอาข้อมูลมากางกันเลย แล้วเราจะบอกได้ว่า ข้อมูลไหน มันเชื่อถือได้ ถือไม่ได้ อะไรมันเก่า ก็เลิก อันไหนใหม่ ก็อัพเดท หรือท่านชะลอ แล้วไปทำข้อมูล ไปสัมภาษณ์ชาวบ้าน จะได้เห็นพัฒนาการการใช้กัญชาเพื่อสุขภาพ คนที่เขาใช้เป็นมีเยอะมาก มันคือสมุนไพร มันคือมรดกด้านการสาธารณสุขของคนไทย แล้วเอาเข้าจริง ทางกระทรวงสาธารณสุข มีข้อมูลอยู่ในมือมากพอแล้ว คุณหมอหลายท่านมีประสบการณ์ มากมาย การที่มันปลดล็อกมาได้ข้อมูลมันต้องชัวร์ เป็นวิทยาศาสตร์ และเข้าใจ หมดแล้วว่าความจริงคืออะไร แต่ตอนนี้ มันเป็นเรื่องการเมืองรึเปล่า เลยไม่ได้เอาความจริงมาพูด”