“วีระ” ของขึ้นฉุน ป.ป.ช. อ้างหน้าศาลฯส่ง สอบสำนวนนาฬิกาป้อม ครบหมดแล้ว ทั้งที่ให้มามีแต่คาดดำกินเนื้อหา -ไม่เซ็นรับรองเอกสาร ยื่นอุทธรณ์แล้วรอพิจารณาใหม่ครั้งหน้า
วันนี้ (4 มิ.ย.) ศาลปกครองกลางนัดไต่สวนคู่กรณีในคดีนายวีระ สมความคิด ยื่นฟ้องคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้เปิดเผยสำนวนคดี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินอันเป็นเท็จ กรณีนาฬิกาหรู ซึ่งศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งบังคับให้ ป.ป.ช.ส่งมอบเอกสาร 3 รายการ โดยถูกต้องครบถ้วน ไม่มีการคาดดำปิดทับข้อความใดๆ ในคดีหมายเลขแดงที่ อ. 224/2566
นายวีระ ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า การไต่สวนฉุกเฉินวันนี้ไม่เป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช.ได้ให้ข้อมูลกับศาลว่า ที่ผ่านมา ได้ให้เอกสารกับตน 3 รายการครบถ้วนแล้ว และบอกว่า ตนเข้าใจผิดไปเอง แต่ในความเป็นจริง เอกสารที่ให้มา เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2566 ในชุดที่ 1 ปรากฏว่า มีเอกสารหน้าที่ 75-90 เป็นเอกสารเปล่า ส่วนเอกสารรายการที่2 ไม่ได้ให้มา เพราะเป็นส่วนหนึ่งของเอกสารรายการที่ 1 และเอกสารรายการที่ 3 เป็นรายงานการประชุม เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2561 ซึ่งให้มาเพียง 1 หน้าเท่านั้น ส่วนการให้เอกสารรอบที่ 2 หลังขอศาลบังคับคดี โดยวันที่ 13 ธ.ค.2566 ให้เอกสารเพิ่มในชุดที่ 1 เอกสารชุดที่ 2 ก็คือเอกสารหน้าที่ 75-90 ของเอกสารรายการที่ 1 ที่ให้มาในครั้งแรก ซึ่งเป็นเอกสารเปล่า และเอกสารรายการที่ 3 คือ หน้าที่ 48-86 ที่เคยให้มาเมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่เป็นกระดาษเปล่า แต่ครั้งนี้ไม่ได้เป็นกระดาษเปล่าแล้ว มีเนื้อหาแต่คาดดำทับมา
สรุปเอกสารที่ให้มาทั้ง 2 ครั้ง ให้มาแล้วคาดดำแทบทุกหน้า และให้มาไม่ครบ ซึ่งพิสูจน์ได้จากครั้งสุดท้ายเมื่อศาลสั่งให้ป.ป.ช.สั่งยื่นเอกสารเพิ่มเติมในวันที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา แต่ป.ป.ช.มายื่นในวันนี้ โดยเอกสารชุดที่ 1 มีการยื่นมาเพิ่ม 479 แผ่น นี่เป็นใบเสร็จที่แสดงให้เห็นว่า เป็นการโกหกศาลมาโดยตลอดว่าที่ผ่านมาให้เอกสารครบแล้ว ถูกต้องแล้ว ส่วนรายการที่ 2 ให้เพิ่มมา แต่เป็นสรุปของเจ้าพนักงานป.ป.ช. ไม่ให้ความเห็นแยก ตามที่เราขอเป็นความเห็นเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ร่วมตรวจสอบ ส่วนรายการที่ 3 ให้เพิ่มเติม เป็นรายงานการประชุม และมติที่ประชุมของเดือน มี.ค. 2561 และ ก.ค. 2561 แต่วันนี้ยังไปบอกกับศาลว่า เอกสารที่ให้เป็นมติที่ประชุมที่ตนขอ และยังระบุว่า หากตนเห็นว่ายังได้เอกสารไม่ครบ ก็ขอให้ระบุมาว่า ไม่ครบตรงไหน ซึ่งการถามแบบนี้เป็นการท้าทาย เพราะไม่มีใครรู้ ไม่เคยเห็นว่าในมือป.ป.ช.เอกสารอะไรบ้าง อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่า ต้องการเอกสารมติคณะกรรมการป.ป.ช. เพราะเราได้เห็นเอกสารชุดนี้แล้ว จากกรรมาธิการป.ป.ช. สมัยที่แล้ว ชุดพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส เป็นประธาน ตามที่ป.ป.ช.ได้เอามติวันที 27 ธ.ค.ไปให้กรรมาธิการป.ป.ช.
“ที่มาโป๊ะแตก เมื่อศาลบอกว่า ที่ป.ป.ช.เตรียมเอกสารมา 2 ชุด มีทั้งคาดดำ และไม่คาดดำ แต่สุดท้ายให้ป.ป.ช. เอาชุดที่คาดดำให้กับผม ดังนั้น วันนี้ผมจึงยื่นอุทธรณ์กรณีที่ให้มีการคาด แต่ให้คาดดำเฉพาะ ชื่อ ที่อยู่ แต่กลับคาดดำมากกว่านั้น ซึ่งศาลรับไปพิจารณาเป็นองค์คณะในครั้งต่อไปยังไม่กำหนดว่าจะพิจารณาเมื่อไหร่ แต่คิดว่าน่าจะใช้เวลาเป็นเดือน” นายวีระ กล่าวด้วยว่า วันนี้บอกตรงๆ เรายังไม่พอใจ เพราะป.ป.ช.ยื่นเอกสารเกินกำหนดที่ศาลสั่งให้ยื่นภายใน 15 ซึ่งครบกำหนดในวันที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา แต่เพิ่งเอามาให้วันนี้ อีกทั้งก่อนหน้านี้ เอกสารที่ป.ป.ช.เคยให้มาก็ยังไม่มีการเซ็นรับรองเอกสาร เท่ากับเอกสารที่ได้รับมานั้นถือว่าไม่ใช่เอกสารตามคำบังคับ ตามคำพิพากษา จะเอาไปใช้ทางศาล หรือยืนยันอะไรไม่ได้ แต่วันนี้เอกสารที่ให้มาวันนี้ ให้เอกสารที่เป็นเอกสารเปล่า แล้วอ้างว่า เป็นเพราะเครื่องถ่ายเอกสารไม่ดี ถ่ายไม่ชัด ทำให้เหมือนไม่มีข้อความอะไรเป็น 10 แผ่น ประเด็นสำคัญไม่มีการรับรองเอกสาร วันนี้มีการเซ็นรับรองแล้วทุกแผ่น แต่มีบางส่วนที่ยังมีปัญหาคาดดำ ซึ่งมากกว่าชื่อ แต่เป็นเนื้อหาที่ไม่อยากให้เรารู้ ทั้ง 3 รายการ บางส่วนที่อ่านไม่ออก เรื่องอย่างนี้เรารู้ ไม่เอาไปเผยแพร่ แต่ที่เราจะเอาข้อมูลส่อทุจริต ไปเผยแพร่และฟ้องต่อศาลอาญาทุจริตต่อไป.