“เศรษฐา” ย้ำตั้ง “วิษณุ” กุนซือกฎหมาย ไม่ใช่เหตุคน “เพื่อไทย” ไร้ความสามารถ ขออย่ามองคนละสีคนละขั้ว ให้ดูที่งาน เผยเป็นนายกฯ น้ำไม่เต็มแก้ว เสียงที่ไม่อยากได้ยินคือเสียงที่ประเสริฐที่ต้องฟัง อุบสัญญาใจขอเป็นเรื่องสองคน แต่ไม่มีสัญญาใจ “ทักษิณ” เชื่ออดีตนายกฯทุกคนมีเป้าหมายตรงกันทำเพื่อ ปชช.ชี้แม้แต่ “ประยุทธ์” ใจต่อใจชัดเจน ถึงที่มาจะต่างกัน
เมื่อเวลา 11.20 น. วันที่ 4 มิ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สมาชิกพรรคเพื่อไทย วิพากษ์วิจารณ์การตั้ง นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี จะทำความเข้าใจกับสมาชิกพรรคอย่างไร ว่า ตนได้พูดไปเยอะแล้ว จริงๆแล้วอย่างที่บอกเรื่องวาทะกรรมทางด้านการเมืองก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เราปฏิเสธไม่ได้ถ้าเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ ซึ่งไม่ได้หมายความว่าทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทยจะไม่เก่ง ตนเชื่อว่าที่เราประสบปัญหากันมา ทั้งรัฐบาล พี่น้องประชาชน และปัญหาทั่วๆไปในประเทศ จริงๆแล้วเราต้องการคนเก่งเข้ามาช่วย ส่วนจะเป็นสีเสื้อ คนละขั้วหรืออะไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เราคำนึงถึงพี่น้องประชาชนเป็นหลัก และคำนึงถึงการขับเคลื่อนนโยบายหลักของรัฐบาลว่าทำอย่างไรจะเป็นไปด้วยความรอบคอบ ตนเชื่อว่าเพื่อน สส.ในพรรคเพื่อไทยน่าจะมีความเข้าใจในส่วนนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่าคิดว่าในเรื่องสีเสื้อต่างๆควรจะยุติได้แล้วหรือยังในยุครัฐบาลวันนี้ นายกฯกล่าวว่า เห็นด้วยกับข้อเสนอ คิดว่าเรื่องพูดว่าควรจะหยุดอย่างไรเราไม่มีสีเสื้อแล้วอะไรแล้ว ก็เป็นเรื่องของการพูด แต่เหนือสิ่งอื่นใดอยู่ที่การกระทำมากกว่า หากตนพูดในส่วนของตัวเองเรื่องการลงพื้นที่ตนก็ไม่ได้ไปแต่พื้นที่ ที่พรรคเพื่อไทยมี สส.เยอะ คือภาคอีสาน ตนไปภาคใต้และทำงานให้ทุกๆภาค ซึ่งเป็นเจตนารมณ์ที่ชัดเจน การที่เรามาทำตรงนี้ไม่ได้ทำเพื่อประชาชนในภาคใดภาคหนึ่ง และหลายๆรัฐมนตรีเองก็มีความเข้าใจถึงปัญหาที่รัฐบาลประสบมา ทั้งในปัจจุบันและในอดีต เรื่องปัญหาทะเลาะเบาะแว้งเป็นเรื่องที่เราไม่ปราถนาให้เกิดขึ้น ฉะนั้นการแสดงออกของรัฐมนตรีหรือการทำงานของรัฐบาลนี้ตนได้เน้นย้ำตลอด เรื่องการทำแต่เขตของตัวเองหรือพรรคพวกของตัวเองตนไม่อยากให้มี แต่เวลาพูดก็พูดไป แต่เชื่อว่าการกระทำจะเป็นภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุด ก็ขอให้ดูกันต่อไป
”ผมเชื่อว่าผมได้แสดงออกอย่างเต็มที่แล้วว่าเราไม่มีสีเสื้อ และพยายามที่จะเดินหน้ากันต่อไป แต่ก็เข้าใจถึงความเจ็บปวดในอดีตที่เคยมีมาก็ต้องบริหารเรื่องความคาดหวัง เรื่องสภาพจิตใจของทุกๆฝ่าย ไม่ได้บอกว่าเป็นหน้าใหม่ พรรคการเมืองเข้ามาได้แค่ 2-3 ปี แล้วจะพยายามจะดึงทุกอย่าง แต่เวลาจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยเยียวยาจิตใจของทุกๆฝ่าย และเชื่อว่าการที่เราตั้งใจมาทำงานตรงนี้และพยายามที่จะขจัดปัญหาความยากจน ปัญหาความเหลื่อมล้ำก็เป็นสัญญาณที่ดีจากทุกๆฝ่าย ความรุนแรง ความร้อนแรงทางด้านการเมืองก็หวังว่าจะมีการลดลงไปได้“นายกฯกล่าว
เมื่อถามว่า ในเมื่อนายกฯตัดสินใจดึง นายวิษณุ เข้ามาช่วยงานด้านกฎหมาย ดังนั้นสมาชิกพรรคควรต้องเคารพการตัดสินใจของนายกฯ ตรงนี้จะขอให้สมาชิกพรรคที่เห็นต่างหยุดแสดงความเห็นหรือไม่ เพราะจริงๆแล้วนายวิษณุ ไม่ได้แค่มาช่วยรัฐบาลนี้ แต่ช่วยมาตั้งแต่รัฐบาล นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนเชื่อว่าประวัติศาสตร์มันชัดเจน และถูกเขียนไว้ชัดเจนอยู่แล้ว ก็ไม่ทราบว่าจะอธิบายให้มันเยอะกว่านี้ได้อย่างไร ตนคิดว่าเรามาดูที่ผลงาน มาดูความตั้งใจของท่านดีกว่า ตอนนี้ที่ทำงานร่วมกันและต่อไปในอนาคตดีกว่า และเชื่อว่าเรื่องนี้เป็นที่ประจักษ์ดีกับทุกๆฝ่ายอยู่แล้ว ก็ไม่อยากจะต้องพูดย้ำไปย้ำมา เพราะทุกคนก็ทราบดีอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า สมาชิกพรรคเพื่อไทย มองว่ามวลชนที่สนับสนุนเพื่อไทยอยู่จะหันไปสนับสนุนพรรคอื่นที่เป็นคู่แข่ง นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนเชื่อว่าการที่พี่น้องประชาชนจะเลือกพรรคใด เรื่องการทำงานของรัฐบาลเป็นสิ่งสำคัญ การขจัดปัญหาที่เขาประสบอยู่ ปัญหาความยากจน หนี้นอกระบบ ราคาสินค้าเกษตร เหล่านี้เป็นเรื่องสำคัญซึ่งต้องใช้เวลาในการแก้ไขปัญหา อย่างที่บอกงบประมาณเพิ่งใช้ได้ในต้นเดือน มิ.ย. นี้ ซึ่งได้อนุมัติเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ขอให้ใช้เวลาแล้วกัน เลือกตั้งมันจบไปแล้ว ตนมั่นใจว่ารัฐบาลนี้ รัฐมนตรีทุกคนทุกพรรคมาทำงานแบบน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
เมื่อถามว่า ในที่ประชุมเพื่อไทยวันนี้มีข่าวว่าจะเคลียร์ใจเรื่องนี้ด้วย นายเศรษฐา กล่าวปฏิเสธว่า ไม่ทราบเลย และตนติดภารกิจที่ทำเนียบรัฐบาลตลอด คงเข้าไปไม่ได้ มีคนเข้ามาเจอเยอะมากในหลายๆเรื่อง
เมื่อถามว่า นายวิษณุ ระบุว่าจะมาช่วยงานชั่วคราว ตรงนี้มีสัญญาใจอะไรไว้ พอจะบอกได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เวลาพูดถึงสัญญาใจกันก็เป็นเรื่องของคนสองคน ต้องขอความกรุณาด้วยครับ
เมื่อถามว่า แสดงว่านายวิษณุจะมาแค่ชั่วคราวใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าการที่อยู่ด้วยกันก็ต้องค่อยๆทำงานไปด้วยกัน ตนเองก็รู้จักกับท่านมานานแต่ก็ไม่เคยทำงานด้วยกัน ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่เราต้องพัฒนาความสัมพันธ์กันไป ตนมั่นใจว่าถ้าตนสามารถทำให้ท่านมีความสุขได้เราก็พยายามจะอยู่กันไปนานๆ
เมื่อถามว่า แล้วได้มีสัญญาใจอะไรไว้กับนายทักษิณ หรือไม่ นายกฯ หัวเราะพร้อมกับกล่าวว่า ไม่มี ตนไม่มีสัญญาใจกับผู้นำในอดีตทุกๆท่านหรือหลายๆท่าน ซึ่งเรามาตรงนี้เรามาช่วยกันดูแลประเทศ ใครมีข้อเสนอแนะอะไรที่ดีๆตนยินดีน้อมรับ เพราะตนเองก็ไม่เคยที่จะไม่รับฟังความคิดเห็นของทุกคน แต่ในขีดจำกัดของการเป็นนายกฯในวันนี้กับเมื่อ 17 ปีที่ผ่านมา มันก็มีขีดจำกัดที่แตกต่างกันไป และพ.ร.บ.บริหารราชการแผ่นดิน ก็แตกต่างกันไป การพูดเรื่องต่างๆก็ต่างกัน
“แต่เหนือสิ่งอื่นใดผมเชื่อว่าคนเราต้องทำตัวให้เป็นน้ำไม่เต็มแก้ว ถ้าใครมีข้อแนะนำดีๆ ใครมีข้อติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่เราควรจะฟังคือเรื่องข้อติมากกว่า มันจะต้องได้ยินเสียงที่ไม่อยากจะได้ยินตลอดก็มีการพัฒนา โดยส่วนตัวผมเองที่มาอยู่ตรงนี้ได้เพราะผมทำตัวเป็นน้ำไม่เต็มแก้ว และไม่ได้เลือกได้ยินแต่เสียงที่ตัวเองอยากได้ยิน ผมพูดตลอดในหลายเวที จริงๆแล้วเสียงที่เราไม่อยากได้ยินอาจจะเป็นเสียงที่ประเสริฐที่สุด และต้องนำมาพัฒนาแก้ไขปรับปรุง จะมาจากท่านนายกฯทักษิณ นายกฯอานันท์ (อานันท์ ปันยารชุน) นายกฯชวน (ชวน หลีกภัย) ถ้าเป็นเรื่องที่ผมคิดว่าเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันผมก็น้อมรับที่จะไปแก้ไขปรับปรุง” นายเศรษฐา กล่าว
เมื่อถามว่า มีสัญญาใจอะไรกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า “ผมเชื่อว่าเรื่องของใจต่อใจที่ผมมีกับนายกฯประยุทธ์ชัดเจน จุดมุ่งหมายเราจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะท่านฝากบ้านเมืองไว้ให้ผมในฐานะนายกฯคนที่ 30 ต่อจากท่านคนที่ 29 ก็พยายามดูแลพี่น้องประชาชนให้ดีที่สุด วิธีการทำงานแน่นอนครับแบคกราวของแต่ละท่านก็แตกต่างกันไป ผมมาจากภาคธุรกิจ ท่านมาจากฝ่ายความมั่นคง แต่ผมเชื่อว่าวิธีการหรือแนวทางอาจจะต่างกัน แต่จุดมุ่งหมายเดียวกัน ผมมีความมั่นใจว่าท่านเองก็มีความปราถนาดีกับบ้านเมือง อย่างที่บอกเรื่องวิธีการทำงานเราอาจจะแตกต่างกันไป แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือจุดมุ่งหมาย”