“เฉลิมชัย” ปัดตอบพร้อมสลับขั้วร่วมรัฐบาล หากสถานการณ์การเมืองเปลี่ยน บอกพรรคการเมืองต้องพร้อมเป็นได้ทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน วอนเลิกกล่าวหา ปชป.พรรคสำรอง
วันนี้ (30 พ.ค.) นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่อัยการสูงสุดสั่งฟ้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานความผิดตาม ม.112 ว่า ตอนนี้อยู่ที่ศาลว่าจะพิจารณาเรื่องนี้อย่างไร ตนว่าคาดเดาล่วงหน้าไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ หากสมมติว่า เป็นไปในทางร้าย ก็คงต้องมีการพูดคุยกันใหม่ในรัฐบาลที่จะเกิดขึ้น เพราะประเทศไทยอย่างไรก็ต้องมีรัฐบาล มีนายกฯ บริหาร แต่หากสมมติว่า เป็นไปในทางที่ดีก็อยู่ที่ผู้บริหารจะตัดสินใจ ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ตนว่าไม่มีอะไรแปลก
“นายทักษิณถูกอัยการสูงสุดสั่งฟ้อง ก่อนที่จะเดินทางกลับประเทศไทย ผมจึงคาดการณ์ตั้งแต่ต้นแล้วว่าอัยการสูงสุดจะต้องฟ้อง เพราะคงไม่ไปพลิกคำวินิจฉัยของอัยการสูงสุดท่านก่อนๆ น่าจะเป็นเรื่องของหลักกฎหมาย แต่ผลจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับศาล”
เมื่อถามว่า มีการประเมินสถานการณ์การเมืองหรือไม่ เพราะอาจจะเป็นปัจจัยทำให้เปลี่ยนรัฐบาล หรือมีการเปลี่ยนขั้วจับมือกันหรือไม่ นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ประเทศไทยอะไรก็เกิดขึ้นได้ สำหรับพรรคประชาธิปัตย์เราก็เลือก อย่าคิดว่าเราอยากเป็นรัฐบาลอย่างเดียว ตนเคยยืนยันหลายครั้งแล้วว่า เลิกคิดว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคสำรองได้แล้ว แต่การเป็นพรรคการเมืองต้องพร้อมที่จะเป็นทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน ไม่มีพรรคการเมืองไหนที่ประกาศออกมาเป็นรัฐบาลอย่างเดียวแล้วได้เป็น หรือไม่มีพรรคการเมืองไหนที่บอกว่าตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นฝ่ายค้านอย่างเดียว ทั้งในประเทศไทยและในโลกก็ไม่มี
เมื่อถามว่า พรรคประชาธิปัตย์ กับพรรคก้าวไกล ตอนนี้ยังผูกกันแน่นใช่หรือไม่ นายเฉลิมชัย กล่าวว่า วันนี้เราทำหน้าที่ฝ่ายค้านด้วยกัน แต่เรื่องของการทำงานอย่างอื่น อยู่ที่หลักการและอุดมการณ์ ส่วนที่เราไปกันได้ก็ทำงานร่วมกันได้ กับทุกพรรค ถ้าส่วนไหนไปกันไม่ได้ ก็ทำงานร่วมกันไม่ได้ก็เท่านั้น