นายกฯ เปิดงาน “AWS Summit in Bangkok” ผลักดันการใช้เทคโนโลยี Cloud ในไทย อำนวยความสะดวกแก่ทุกภาคส่วนทั้งรัฐ-เอกชน พร้อมยินดี AWS มีแผนลงทุนสร้าง Data Center ในไทย มูลค่ากว่า 190,000 ล้านบาท ภายในปี 2037 เชื่อหลังเปิดใช้ครอบคลุม ลดความยุ่งยากของระบบราชการไทย
เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 30 พ.ค.ที่ Plenary Hall ชั้น 1 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานกล่าวเปิดงาน “AWS Summit in Bangkok” ซึ่งจัดโดย Amazon Web Services บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้าน Cloud Computing
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มาร่วมงานในวันนี้ ซึ่งเป็นโอกาสที่จะแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของประเทศไทย ความพร้อมด้านเทคโนโลยี และทิศทางการเจริญเติบโตของ Digital Economy ในประเทศไทย โดยปัจจุบัน คนไทยจำนวนหลายหมื่นคนได้ร่วมทำงานที่เกี่ยวข้องกับ Ecosystem ของ AWS ด้วย ซึ่งทุกคนต่างมีศักยภาพ ทักษะ และองค์ความรู้ เป็นหนึ่งในศักยภาพของประเทศไทยที่พร้อมจะถูกปลดปล่อยออกมา
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงประสบการณ์ในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี Cloud ว่า Cloud เป็นหนึ่งใน Breakthrough Technology ที่มาช่วยลดต้นทุนของการทำงานได้มหาศาล เพิ่ม Speed-to-market ของการ Deploy workflow ใหม่ๆ และตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้งานได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งเมื่อทีมงาน Productive มากขึ้น ผลลัพธ์ของลูกค้าก็จะได้รับบริการที่ดียิ่งขึ้นไปด้วย ทั้งนี้ รัฐบาลพร้อมที่จะปรับปรุงระบบงานของราชการให้ทันสมัย ซึ่งเป็นหนึ่งใน Agenda สำคัญที่กำลังผลักดันในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อปลายปี 2023 และมีมติให้เร่งขับเคลื่อนนโยบายการใช้คลาวด์เป็นหลัก (Cloud First Policy) ที่จะลดภาระเงินลงทุนในระบบ IT ของภาครัฐ โดยเปลี่ยนไปใช้ Cloud มากขึ้น พร้อมคาดหวังว่า เมื่อระบบงานราชการดีขึ้นแล้ว ราชการและประชาชนจะสามารถติดต่อสื่อสาร ทำงานร่วมกันได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้ภาคเอกชน ประชาชน ลดค่าใช้จ่าย ลดความยุ่งยาก ในการติดต่อกับราชการในอนาคต
“ก่อนที่จะดำรงตำแหน่นายกรัฐมนตรี สมัยอยู่ในภาคเอกชน ก็มีประสบการณ์ในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี Cloud และเมื่อเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว การปรับปรุงระบบราชการให้ทันสมัยเป็นหนึ่งในนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญ และยืนยันในการคงไว้ซึ่งความชอบธรรม บริสุทธิ์ และสุจริตในการปฏิบัติหน้าที่ รัฐบาลคาดหวังว่า เมื่อระบบดีขึ้นแล้วประชาชนจะสามารถติดต่อสื่อสารทำงานร่วมกันอย่างดีขึ้น ส่งผลให้ภาคเอกชนสามารถรับการบริการ ประชาชนลดค่าใช้จ่าย และลดความยุ่งยากในการติดต่อกับระบบราชการ และแม้จะเป็นเฟสแรก เชื่อว่า ในระยะเวลาอันใกล้นี้ เชื่อว่า ระบบราชการจะทันสมัยมากขึ้น ปัญหาที่เคยเกิดขึ้นจะถูกแก้ไขออกไป“ นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายเศรษฐา กล่าวว่า ปัจจุบันระบบ Cloud ได้กลายเป็นกระดูกสันหลังของระบบเทคโนโลยีที่สำคัญในหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นธนาคาร การท่องเที่ยว การทำ Marketing ภาคการศึกษา รวมไปถึงเทคโนโลยีล่าสุด Generative AI (Artificial Intelligence) ซึ่งขณะนี้ ในหลายๆ ภาคส่วน รวมถึงทีมงานหลังบ้านของราชการ ได้เริ่มนำ Generative AI มาใช้ประโยชน์ในการทำงานแล้ว โดยเชื่อมั่นว่า ในระยะยาว จะมีการขยับขยายการใช้งานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะสามารถยก Productivity Curve ให้กับทั้งระบบเศรษฐกิจของประเทศได้ ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ หากไม่มี Data Center ที่มีขนาดใหญ่ช่วยประมวลผล และระบบ Internet ที่แข็งแกร่ง จึงเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่ประเทศไทยจะต้องมีการลงทุน Data Center ซึ่งเป็นหัวใจหลักของเทคโนโลยี Cloud Computing” นายเศรษฐา กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีที่ AWS มีแผนลงทุนสร้าง Data Center ในประเทศไทย มูลค่ากว่า 190,000 ล้านบาท ภายในปี 2037 โดยปีที่ผ่านมา AWS นำเงินเข้ามาในไทยแล้วกว่า 11,600 ล้านบาท พร้อมยินดีเป็นอย่างยิ่งที่คนไทยจะได้ใช้ AWS Thailand Region อย่างเต็มตัวในช่วงต้นปี 2025 ซึ่งการลงทุนของ AWS นอกจากจะทำให้ไทยมี Cloud ที่มีความมั่นคงและปลอดภัยแล้ว ยังสะท้อนว่า บริษัท Technology ระดับโลกเห็นศักยภาพ และเชื่อมั่นว่า จะเติบโตไปพร้อมกับเศรษฐกิจของประเทศไทยได้ โดยรัฐบาลกำลังเดินหน้าปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอื่นๆ คู่ขนานไปกับการดึงดูด Data Center เพื่อมุ่งหน้าสู่การเป็นศูนย์กลาง Digital Economy และ Technology ทั้งการดึงดูดการลงทุนอุตสาหกรรม Technology ในระดับต้นน้ำ เช่น การผลิต Semiconductor ไปจนถึงปลายน้ำ เช่น อุตสาหกรรม Smart Electronics และส่งเสริมการเพิ่มทักษะของ talent ซึ่งปัจจุบัน AWS ให้การฝึกอบรมคนไทยไปกว่า 50,000 คน และมหาวิทยาลัยต่างๆ ได้นำ AWS Academy เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในหลักสูตร สร้าง Digital Literacy ในนิสิต นักศึกษา ถือเป็นความร่วมมือ Partnership ที่ดีระหว่างภาคเอกชน ภาคการศึกษา
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลยืนยันที่จะสนับสนุนความร่วมมือในลักษณะ win-win เช่นนี้ และเชื่อมั่นว่า การลงทุนและการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องของทั้ง AWS และทุกภาคส่วนในประเทศไทยจะยกระดับ Digital Literacy ให้กับคนไทย ทำประเทศไทยให้เป็นบ้านอีกหลังนึงของ AWS และนำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว พร้อมหวังว่าจะได้เห็นความร่วมมือที่มากยิ่งขึ้นสร้าง Digital Ecosystem ในประเทศไทยให้เติบโตไปพร้อมกัน เพื่อทำให้วิสัยทัศน์ Ignite Thailand ด้าน Technology Hub เกิดขึ้นได้จริง
ทั้งนี้ นายวัตสัน ถิรภัทรพงศ์ Country Director AWS ประเทศไทย ได้ประกาศความพร้อมของการตั้ง AWS Asia Pacific (Bangkok) Region ในประเทศไทย ซึ่งจะมีขึ้นในช่วงต้นปี 2025 โดยคาดการณ์จำนวนการลงทุนกว่า 1.9 แสนล้านบาท ภายในปี 2037 ซึ่งที่ผ่านมา AWS ได้เตรียมความพร้อมในการให้บริการทางด้าน Cloud และการลงทุนในด้านการให้บริการส่งตรงฐานข้อมูลจากประเทศไทยไปสิงคโปร์ด้วย รวมถึงมุ่งมั่นในการพัฒนาแพลตฟอร์ม AI และ Cloud ในไทย เพื่อให้บุคลากรและองค์กรต่างๆ สามารถใช้บริการในประเทศไทย ได้อย่างความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า งาน AWS Summit in Bangkok เป็นส่วนหนึ่งของงานประชุมประจำปี AWS Global Summit โดยมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 2,500 คน ประกอบด้วย ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีนักธุรกิจ นักลงทุนชั้นนำของไทยและต่างประเทศ ซึ่งจะร่วมแลกเปลี่ยนความรู้ด้าน Cloud Computing และเทคโนโลยีเกิดใหม่อื่นๆ ผ่านงานสัมมนากว่า 30 หัวข้อ และบูธจัดแสดงเทคโนโลยีอีก 29 บูธ