“เทพไท” ฟันธงล่วงหน้า “เศรษฐา” รอดยาก เชื่อมติศาล ไม่เกี่ยวกับดีลการเมืองระหว่างทักษิณ-กลุ่มอนุรักษนิยม
นายเทพไท เสนพงษ์ อดีต ส.ส. นครศรีธรรมราช กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองหลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6:3 รับคำร้องของ 40 ส.ว. ไว้พิจารณา และมีมติ 5:4 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงอนาคตทางการเมืองของรัฐบาลเศรษฐากันอย่างกว้างขวาง ว่า ตนในฐานะผู้สังเกตการณ์ทางการเมืองคนหนึ่ง ขอวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองในช่วงนี้ ออกเป็น 2 ส่วน คือ
1. มติของศาลรัฐธรรมนูญ จะมีคำวนิจฉัยให้นายเศรษฐา ผลจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หรือไม่
2. นายทักษิณ ชินวัตร และกลุ่มอนุรักษ์ ยังแนบแน่น หรือพร้อมจะแตกหักทางการเมืองกันแล้วหรือยัง
นายเทพไท กล่าวว่า ประเด็นผลการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ถ้าหากดูจากมติการรับคำร้อง และมติการหยุดปฏิบัติหน้าที่แล้ว หากพิจารณาลงในรายละเอียดของผลการลงมติ และคำวินิจฉัยส่วนบุคคลของตุลาการเสียงข้างน้อย ในประเด็นให้หยุดปฏิบัติหน้าที่แล้ว เห็นได้ว่า ข้อต่อสู้ของนายเศรษฐาเป็นไปได้ยาก โดยเฉพาะประเด็นที่นายเศรษฐาควรรู้ว่า นายพิชิต ชื่นบาน ขาดคุณสมบัติในการเป็นรัฐมนตรี รวมถึงรายละเอียดในหนังสือสอบถามของสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และหนังสือตอบข้อหารือของคณะกรรมการกฤษฎีกา มีความชัดเจนว่า จงใจจะสอบถามในบางประเด็น และไม่ต้องการคำตอบในบางประเด็น เพื่อสร้างความชอบธรรมในการทูลเกล้าฯ เสนอชื่อ นายพิชิต เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อดูข้อกฎหมายและเจตนาความต้องการของนายเศรษฐาแล้ว เชื่อว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะมีมติให้นายเศรษฐา พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ส่วนประเด็นดีลลับทางการเมือง ระหว่างนายทักษิณ กับกลุ่มอนุรักษนิยมนั้น ไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับผลการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ต้องการให้นายเศรษฐาพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อล้มดีลทางการเมืองกัน เพราะตอนนี้ทั้งฝ่ายระบอบทักษิณ และกลุ่มอนุรักษนิยม ไม่พร้อมจะแตกหักกัน ฝ่ายระบอบทักษิณยังไม่มีตัวตายตัวแทนขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีแทนนายเศรษฐา และไม่ยอมยกตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้กับพรรคการเมืองอื่น คุณทักษิณยังไม่พร้อมแตกหัก หรือเป็นศัตรูกับกลุ่มอนุรักษนิยม ซึ่งเคยได้รับบทเรียนมาแล้วว่า เมื่อเผชิญหน้ากับกลุ่มอนุรักษนิยมก็เจ็บตัว และพ่ายแพ้จนไม่มีแผ่นดินอยู่
ส่วนกลุ่มอนุรักษนิยมเช่นเดียวกัน แม้อาจจะไม่พอใจในบทบาทของนายทักษิณอยู่บ้าง แต่ก็มีความจำเป็น ต้องใช้บริการนายทักษิณทางการเมืองต่อไป ยังไม่มีตัวแทนของฝ่ายกลุ่มอนุรักษนิยม ที่จะพอสู้กับพรรคก้าวไกลได้ จึงยอมจับมือกับระบอบทักษิณต่อไป ดีกว่าปล่อยให้พรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล และยังจำเป็นต้องสามัคคีกันต่อไปจนกว่าจะมีการเลือกตั้งครั้งหน้า หรือจนกว่าฝ่ายอนุรักษนิยมมีผู้นำทางการเมืองโดดเด่นเป็นที่ยอมรับของประชาชน พอจะสู้กับตัวผู้นำของพรรคก้าวไกลได้
“ถ้าเลือกได้ ทั้งฝ่ายระบอบทักษิณ และกลุ่มอนุรักษนิยม ยังคงสนับสนุนนายเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป เว้นแต่มีเหตุจำเป็นหรือเกิดอุบัติเหตุจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ให้ต้องพ้นจากตำแหน่งไป ทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายต้องมาทบทวนดีลการเมืองกันใหม่อีกครั้ง” นายเทพไท ระบุ