ข่าวปนคน คนปนข่าว
** ลุ้น "เศรษฐา"ไปต่อ หรือชะงัก "ดิเรกฤทธิ์" คลี่คำร้องขอรู้ถึงใบสั่งใครตั้ง "ถุงขนม" !?
แม้ว่า "พิชิต ชื่นบาน" จะลาออกจากรัฐมนตรีเพื่อเซฟ "เศรษฐา ทวีสิน" นายกรัฐมนตรี แต่เรื่องที่เกี่ยวกับอดีตทนาย"ถุงขนม" พาดพันไปถึงนายกฯ ยังต้องลุ้นระทึก
วันนี้ (23พ.ค.) วาระการประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะถูกจับตาเป็นพิเศษ
ว่ากันว่า ที่ประชุมจะพิจารณาคำร้องของ 40 สว. จะรับคำร้อง และสั่งให้นายกฯเศรษฐา ยุติการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวหรือไม่
เพราะ ในคำร้องของ 40สว. นายกฯเศรษฐา เป็นผู้ถูกร้องที่ 1 ว่าด้วยการแต่งตั้งบุคคลที่ไม่มีคุณสมบัติ และมีลักษณะต้องตามรัฐธรรมนูญ
ก่อนที่ "หวย" ผลของศาลรัฐธรรมนูญจะออก ก็ปรากฏความเคลื่อนไหวของฝั่งสว. เป็นประเด็นขึ้นมา จากที่ "ดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม" แกนนำ 40 สว. ลาออกจากกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ซึ่งมีตำแหน่งเป็น รองประธาน โดยให้เหตุผลว่า "ผมไม่สะดวกใจในการปฏิบัติหน้าที่"
ฟังว่าเหตุผลที่แท้จริงของ “ดิเรกฤทธิ์” ก็คือ"น้อยใจ" ที่ถูกเพื่อนสว.ด่าทอต่อว่า กรณีเป็นหัวหอกยื่นคำร้อง "สอย"เศรษฐา นั่นเอง
คำต่อว่าต่อหน้ายังไม่เท่าไหร่ มี สว.บางคน และ นักวิชาการ ยังแซะบอกเบื้องหลังความเคลื่อนไหวของ 40 สว.นี่เป็นแผนยุทธศาสตร์การเมืองขั้วเก่า ที่จะเอา "ลุงเจ้าป่า" กลับมา
ไม่รู้ว่า "ลุงป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ รู้ข่าวแล้วหรือไม่ ซึ่งเชื่อว่า หากมีใครไปถาม คำตอบที่ลุงจะบอก แน่นอนว่า ...ไม่รู้ ไม่รู้ !!
ขณะที่ "ดิเรกฤทธิ์" ได้กล่าวถึงคำร้องถึงศาลรัฐธรรมนูญที่หลายฝ่ายกำลังจดจ้องการพิจารณาในวันนี้ ว่าที่ 40 สว.ยื่นไปว่า ทั้ง พิชิต และ เศรษฐา ทำผิดรัฐธรรมนูญ ทั้ง 2 มีพฤติกรรมที่ผิดต่างกัน โดยเมื่อพิชิต ลาออกแล้ว ก็มีทางออกได้หลายทางเช่นกัน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับศาลฯ ที่จะวินิจฉัย
หากมีผลวินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลง ศาลก็อาจจะเห็นว่า ไม่มีประโยชน์อะไร ต้องมาสั่งอีก เพราะ “พิชิต”ก็ลาออกแล้ว ก็อาจจะมีการจำหน่ายคดีออกไป
อย่างไรก็ตาม ในส่วนนี้ก็อาจจะไม่ได้มีการจำหน่ายออกไปทันที เพราะอาจจะมีข้ออื่นๆ อย่างหากเป็นข้อดี กับการบริหารราชการแผ่นดิน หรือเป็นประโยชน์ กับสาธารณะ ศาลฯ ก็อาจจะพิจารณาต่อเพื่อให้เป็นบรรทัดฐาน
ในส่วนของนายกฯ จะหมดข้อกล่าวหาไปด้วยหรือไม่นั้น ก็เป็นไปได้ทั้งสองทาง ทั้งอาจจะหมดข้อกล่าวหาเคลือบแคลงในความซื่อสัตย์สุจริต เพราะ “พิชิต” ก็ลาออกไปแล้ว จึงไม่มีประเด็นที่จะมากล่าวโทษนายกฯ
อย่างไรก็ดี ก็มีความเห็นมาจากหลายฝ่าย ซึ่งในคำร้องที่ยื่นไปแล้ว ได้แยกออกจากการกระทำ ซึ่งศาลฯ อาจจะขอเรียกดูพยานหลักฐานจากนายกฯ เพื่อดูว่า เป็นการกระทำที่สุจริต และรอบคอบหรือไม่
อีกเรื่องคือ การแต่งตั้ง “พิชิต” ที่ต้องพิสูจน์ด้วยว่า นายกฯ ไม่ได้ให้คนอื่นใช้ตำแหน่งของตัวเองเพื่อหาประโยชน์ ไม่มีใครมาแทรกแซง หรือมาสั่งให้ทำ ซึ่งโดยรวมแล้วศาลฯก็จะต้องพิจารณาเรื่องนี้ต่างหาก แม้ว่าพิชิต จะลาออกแล้วก็ตาม
สรุปว่า งานนี้พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง ที่ต้องจับตาการประชุมของศาลรัฐธรรมนูญ รับหรือไม่รับคำร้อง40สว.
** คนดังจากหลากหลายวงการ เริ่มเปิดตัวลงสมัคร สว. ยอดสะสม 3 วัน 20,683 คน
การเปิดรับสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา 2567 หรือ สว. ทั่วประเทศ เริ่มเปิดรับสมัครวันแรก 20 พ.ค. ผ่านไป 3 วัน มียอดรวมสะสม 20,683 คน โดยเมื่อวานนี้ (22 พ.ค.) แม้จะเป็นวันหยุดวิสาขบูชา แต่มีผู้สนใจมาสมัครมากถึง 9,434 คน ทั้งนี้ ยังเหลือเวลาอีก 2 วัน โดยจะเปิดรับสมัครไปจนถึงวันศุกร์ที่ 24 พ.ค.เป็นวันสุดท้าย
การเลือกสว.ครั้งนี้ ต้องการสว. 200 คน เปิดรับสมัครโดยแบ่งเป็นกลุ่มอาชีพ 20 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มการบริหารราชการแผ่นดินและความมั่นคง หรือกลุ่มอดีตขรก. อดีตจนท.รัฐ , กลุ่มกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม , กลุ่มการศึกษา ,กลุ่มการสาธารณสุข, กลุ่มอาชีพทำนา ปลูกพืชล้มลุก , กลุ่มอาชีพทำสวน ป่าไม้ ปศุสัตว์ ประมง , กลุ่มพนักงานหรือลูกจ้างที่มิใช่ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐ , กลุ่มผู้ประกอบอาชีพด้านสิ่งแวดล้อม ผังเมือง อสังหาริมทรัพย์ และสาธารณูปโภค ทรัพยากรธรรมชาติ พลังงาน , กลุ่มผู้ประกอบกิจการขนาดกลางและขนาดย่อมตามกฎหมาย (SME) , กลุ่มผู้ประกอบธุรกิจหรืออาชีพด้านการท่องเที่ยว การโรงแรม , กลุ่มผู้ประกอบอุตสาหกรรม , กลุ่มผู้ประกอบอาชีพด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การสื่อสาร, กลุ่มสตรี , กลุ่มผู้สูงอายุ คนพิการ หรือทุพพลภาพ, กลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มอัตลักษณ์อื่น , กลุ่มศิลปะ วัฒนธรรม ดนตรี นักกีฬา การแสดงและบันเทิง , กลุ่มประชาสังคม องค์กรสาธารณประโยชน์, กลุ่มสื่อสารมวลชน ผู้สร้างสรรค์วรรณกรรม,กลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ และ กลุ่มอื่นๆ
ขั้นตอนการคัดเลือก จะเป็นการ “เลือกกันเอง” ตามกลุ่มอาชีพ เริ่มจากระดับอำเภอ ระดับจังหวัด และระดับประเทศ เพื่อให้ได้ สว.200 คน มีวาระการดำรงตำแหน่ง 5 ปี
สำหรับคนเด่น คนดัง ที่เปิดตัวลงสมัครแล้ว อย่างที่ จ. เชียงใหม่ ก็มี “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” อดีตนายกรัฐมนตรี “นรากร ติยายน” นักจัดรายการโทรทัศน์
พื้นที่ กทม. “ประเทศ อึ้งทรงธรรม ฮาตะ” ผู้ก่อตั้งมูลนิธิดวงประทีป “นันทนา นันทวโรภาส” คณบดีวิทยาลัยสื่อสารการเมือง ม.เกริก “พล.อ.ณัฏฐพล จันทร์สอกลิ่น” อดีตนายทหารสังกัดกระทรวงกลาโหม “ไกรลาศ เกรียงไกร” ดารานักแสดง
“สันธนะ ประยูรรัตน์” อดีตตำรวจสันติบาล “พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา” ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ “วรัญชัย โชคชนะ” นักกิจกรรมทางการเมือง
จ.ระยอง “จักรพันธ์ ยมจินดา” อดีตผู้ประกาศข่าว, จ.อ่างทอง “วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี” อดีตผู้ว่าสมุทรสาคร ,จ.สุราษฎร์ธานี “พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์” อดีตแม่ทัพภาค 4 , จ.ตรัง “ธวัช สุระบาล” อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ,
จ.นครศรีธรรมราช “อภินันท์ เผือกผ่อง” อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช
จ.ขอนแก่น “อุทัย อัตถาพร” นักพัฒนาชุมชน, จ.ลพบุรี “พลเอกคณิต อุทิตสาร” อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปประเทศ, จ.ปทุมธานี “องอาจ ณฐ ธรรมนิทา” อดีตโฆษกวัดพระธรรมกาย เป็นต้น
เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญในการเลือก สว. ครั้งนี้ ต้องการ สว.ที่มีความรู้ ความสามารถ มาจากหลากหลายอาชีพ มีความเป็นกลางทางการเมือง ไม่ถูกแทรกแซง ครอบงำ จากพรรคการเมือง
ส่วนอำนาจ หน้าที่ ของสว.ชุดใหม่ แม้จะไม่ได้ร่วมโหวตนายกรัฐมนตรี เหมือน 250 สว. ที่เลือกโดย คสช. แต่อำนาจการแต่งตั้งองค์กรตรวจสอบอิสระยังคงมีอยู่ เช่น ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ผู้พิพากษาศาลปกครองสูงสุด ตุลาการศาลปกครองสูงสุด และอัยการสูงสุด
เหนืออื่นใด สว. ยังคงเป็นด่านสำคัญในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
เพราะถ้า สส. พรรคการเมือง จะเสนอแก้รัฐธรรมนูญ ก็จะต้องใช้เสียง สว.ในสัดส่วน 1 ใน 3 ของ 200 คน นั่นคือ 67 คน ถ้ามี สว.ยกมือเห็นชอบแก้รัฐธรรมนูญไม่ถึง 67 คน ไม่ว่าจะมี สส.จำนวนเท่าไร ก็ไม่สามารถแก้รัฐธรรมนูญได้
ต้องติดตามว่าถึงที่สุดแล้ว 200 สว. ชุดใหม่ จะมีหน้าตาอย่างไร และโอกาสในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะเป็นไปได้หรือไม่
