ข่าวปนคน คนปนข่าว
** ถุงขนม อดีตไล่ล่าพาเศรษฐายุ่ง “พิชิต ชื่นบาน” เบื้องหลังฝืนใจไขก๊อก
ตำบลกระสุนตกของรัฐบาลเศรษฐา ระหว่าง “อ้วน-ข้าว10ปี” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ กับ “พิชิต ถุงขนม” พิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ต้องบอกว่า กินกันไม่ลง
“ภูมิธรรม” กินข้าว10ปี แล้วมีพลังเหนือมนุษย์ ทู่ซี้จะเปิดประมูลขายข้าวให้ได้ ไม่สนกระแสสังคม ไม่สนใครก่นด่าว่าจะทำลายภาพลักษณ์ข้าวไทยอย่างไร เพราะเจตนาที่แท้ไม่ได้หวังมูลค่าขายข้าว แต่หวังผลทางการเมือง เพื่อช่วยนายใครๆ ก็รู้!!
ส่วน “พิชิต ชื่นบาน” มีวันนี้ ได้เป็นรัฐมนตรีเพราะ “พี่โทนี่” ให้มา ถูก“อดีตไล่ล่า” โดยเฉพาะถุงขนม ดูเหมือนไม่ยอมถอย
บรรดารถทัวร์โซเชียลฯ จึงเดินสายลงลานจอด “ภูมิธรรม”ที “พิชิต”ที เรียกได้ว่า ซีรีส์นี้ ไม่มีเหงา
“พิชิต” จะทัวร์ลงหนักขึ้นกว่า “ภูมิธรรม”หน่อย ก็ตรงพอถูก สว.40 คน ยื่นศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบการกระทำขัดรัฐธรรมนูญ ของ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี และตรวจสอบคุณสมบัติของตัวเขาเอง
ไม่รู้ว่า “ภูมิธรรม” เพื่อนร่วมค่ายจันทร์ส่องหล้า จัดส่งข้าว 10 ปี ให้กินหรือไม่ ตอนแรกจึงมีแรงฮึด ตั้งใจจะอยู่ พิชิต ทุกเสียงครหา
แถมประกาศให้ก้องทั่วโลกโซเชียลฯ ฟาดกลับ 40 สว.ให้อโหสิกรรม... “ผมอยู่ตรงจุดนี้ ผมพูดไม่อาย ผมเป็นองครักษ์พิทักษ์ท่านนายกฯ และพิทักษ์หลายนายกฯ มาแล้ว” ซึ่งให้เสียงภาษาไทยแปลความตามหลังได้ว่า นายกฯ ที่ “พิชิต” พิทักษ์มาย่อมไม่ได้หมายถึง “ลุงตู่” แต่หมายถึงนายกฯ “ตระกูลชิน” ตั้งแต่ ทักษิณ ชินวัตร... สมชาย วงศ์สวัสดิ์ มาจนถึง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั่นแล
“พิชิต” ยังว่า ชีวิตของเขา ถูกกระทำตั้งแต่ปี 51 โหยหาความยุติธรรมมาทั้งชีวิต
ที่ผ่านมาเป็น สส.ตอบคำถามได้ทุกคำถาม โดนตัดสิทธิในกระบวนการยุติธรรม และควรเป็นกรณีศึกษา เพราะถูกตัดสินในศาลเดียว ทั้งที่ศาลมี 3 ชั้นศาล
ศาลเดียวจบ นี่คือความขมขื่นในหัวใจ เมื่อ 40 สว. ยื่นฯ ก็รอจังหวะยิงลูกนี้มานานแล้ว ให้ศาลรัฐธรรมนูญ ตัดสินเป็นบรรทัดฐาน จะเป็นโอกาสในชีวิตตนที่ได้ “ดีแคลร์” ชีวิตตัวเอง ไม่ได้หวั่นไหวอะไร
นี่เป็นหน้าฉากที่ “พิชิต”ให้ส้มภาษณ์เมื่อวานนี้ช่วงเช้า ก่อนเข้าประชุมครม.
ฟังว่า ระหว่างการคุยกับสื่อ “พิชิต” มีท่าทางมั่นใจ บางช่วงถึงกับปากสั่น และเมื่อให้สัมภาษณ์เสร็จก่อนเดินขึ้นตึกบัญชาการ อดีตทนายถุงขนม ยังได้ชูกำปั้น แสดงความมั่นใจต่อหน้าสื่อด้วย
ทว่า หลังฉาก ณ ที่แดนไกลจากอิตาลีซึ่ง “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี อยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ก็แว่วมาตามสายว่า หลังจากนายกฯ ยกหูโทรคุยกับ “พิชิต”ในเรื่องที่เป็นประเด็นร้อน ก็ได้ข้อสรุปสุดท้าย คือ ลงลายมือชื่อในหนังสือ อนุมัติให้ “พิชิต”ลาออกจาก รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่ากันว่าการลาออกครั้งนี้ “พิชิต” อยู่ในภาวะ อกช้ำ จำใจกล้ำกลืน เพราะกระแสสังคมขุดอดีตมาไล่ล่า ไปๆ มาๆ เข้าทำนอง ทนพิษบาดแผลไม่ไหว!!
แม้จะมีแบ็กอย่าง “ทักษิณ ชินวัตร” ที่ไม่แคร์อะไร ยุยงให้อยู่ต่อ แต่หากอยู่ต่อแล้วรอไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ วันที่ 23 พ.ค.นี้ ตัวเองให้สัมภาษณ์มั่นใจ ไม่หวั่นไหวก็จริง แต่นายกฯเศรษฐา อาจซวยตามก็เดป็นได้ ใครจะไปรู้
ดังนั้น “พิชิต” จำต้องฝืนขอยุติเส้นทางตำแหน่งรัฐมนตรีแสนสั้น 23 วัน ไว้แต่เพียงเท่านี้ ด้วยเหตุผลหล่อๆ ในหนังสือลาออก เพื่อให้ “เศรษฐา” ได้ไปต่อ เดินหน้าประเทศไปอย่างต่อเนื่อง โดยให้มีผลนับแต่วันที่ 21 พ.ค.67 เป็นต้นไป
ขณะที่อนาคตของตัวเอง “พิชิต” ระบุไว้ในหนังสือลาออก นับแต่นี้ ขอใช้โอกาสส่วนตัว ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาสืบต่อไปจนชีวิตข้าพเจ้าจะหาไม่
มีคำถามตามมาว่า เมื่อสารตั้งต้นลาออกแล้ว เรื่องจะจบหรือไม่ !?
ฟังว่า การประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาคำร้องของสว.จำนวน 40 คน ในวันที่ 23 พฤษภาคมนี้ ยังคงมีตามกำหนดการเดิม ซึ่งจะเป็นการพิจารณาว่า จะรับคำร้อง และสั่งให้นายกฯเศรษฐา ยุติการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวหรือไม่
นั่นเพราะ แม้ว่า “พิชิต”จะลาออกจากตำแหน่งแล้ว แต่ในคำร้องดังกล่าวเป็นการกล่าวหา “เศรษฐา” เป็นผู้ถูกร้องที่ 1 ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาหลักของคำร้องที่ว่าด้วย การแต่งตั้งบุคคลที่ไม่มีคุณสมบัติ และมีลักษณะต้องตามรัฐธรรมนูญ จึงยังมีประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญ จะต้องพิจารณา
โปรดติดตามด้วยใจระทึกต่อไป.
** “ทักษิณ”ดัน “สมชาย” นั่งประธานวุฒิสภา กะกินรวบทั้ง สภาสูง สภาล่าง
หลังจากสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ชุดพิเศษ 250 คน ที่มีที่มาจากการคัดเลือกโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีวาระการดำรงตำแหน่ง 5 ปี และเพิ่งหมดวาระไปเมื่อวันที่ 11 พ.ค.67
ขณะนี้อยู่ในช่วงของการรับสมัคร เพื่อเลือกสว.ชุดใหม่ จำนวน 200 คน ตามกติกาใหม่ ที่มาจาก “การเลือกกันเอง” ของผู้สมัคร เริ่มจากระดับอำเภอ ก่อนไปถึงระดับจังหวัด และระดับประเทศ ซึ่ง สว.ชุดใหม่นี้ ไม่มีอำนาจพิเศษแบบ สว.ชุดเก่า คือ ไม่สามารถโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ร่วมกับ สส.ได้ แต่ยังมีอำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติอื่นๆ หลายประการ รวมทั้งการคัดกรองผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ
เนื่องจากเป็นการเลือกโดยกติกาใหม่ จึงมีเรื่องดรามาตามมาพอสมควร โดยเฉพาะกรอบกติกา ระเบียบ กกต. เกี่ยวกับ “การแนะนำตัว” ที่ไม่ใช่ “การหาสียง” เหมือนผู้สมัคร สส.
มีผู้ไปร้องเรียนต่อศาลปกครองกลาง ขอให้เพิกถอนระเบียบ กกต. ว่าด้วยการแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) พ.ศ. 2567 ด้วยเห็นว่า ระเบียบ กกต.ที่ออกมานั้น เกินกว่าของเขตของกฎหมายที่กำหนด
ล่าสุด “ตุลาการเจ้าของสำนวน” ที่รับพิจารณาในเรื่องดังกล่าว ออกมาแย้มว่า มีอยู่ประมาณ 5 ข้อ เห็นว่าระเบียบ กกต.ที่ออกมานั้น เข้าข่าย “เลือกปฏิบัติ จำกัดสิทธิ เสรีภาพ”
ก็ต้องติดตามว่า ที่สุดแล้วที่ประชุมตุลาการศาลปกครอง ในวันที่ 24 พ.ค.นี้ จะตัดสินออกมาอย่างไร การเลือก สว.จะสะดุด หรือไม่
มีอีกเรื่องที่เป็นประเด็นฮือฮา ตั้งแต่การเปิดรับสมัครวันแรก ก็คือที่ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” อดีตนายกรัฐมนตรี สามี “เจ๊แดง” เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ และเป็น “น้องเขย” ทักษิณ ชินวัตร ก็หอบเอกสารไปสมัคร สว. ด้วย
เมื่อเห็นหน้าระดับเบอร์ใหญ่ “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” โผล่มา ผู้คนในแวดวงการเมือง นักวิเคราะห์ วิจารณ์ ทั้งในสื่อหลัก สื่อโซเชียลฯ ก็ชี้เปรี้ยงว่า นี่และคือคนที่ “ทักษิณ ชินวัตร ” ส่งมาเป็นประธานวุฒิสภา
“ทักษิณ” จะกินรวบ คุมทั้งสภาสูง สภาล่าง!!
“พริษฐ์ วัชรสินธุ” หรือ “ไอติม” สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคก้าวไกล แสดงความเห็นกรณี “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” จะไปถึงตำแหน่งประธานวุฒิสภา หรือไม่ ว่า ต้องรออีกสักพัก ไม่ใช่ตอนนี้ เพราะตอนนี้เราควรเอาใจช่วยให้การเลือกสว. เป็นไปด้วยความราบรื่น รวดเร็ว และโปร่งใส
แต่ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแล้ว ต้องการให้ สว.เป็นกลางทางการเมือง การเลือก สว.จึงถูกออกแบบมาเพื่อไม่ให้พรรคการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง
จริงอยู่ ก่อนยื่นสมัคร “สมชาย” ต้องไม่เป็นสมาชิกพรรคการเมือง ถ้าเป็นอยู่ก็ไปลาออกเสียง นั่นเป็นทาง “นิตินัย”
แต่ในทาง “พฤตินัย”แล้ว “สมชาย” ไม่สามารถแยกออกจากพรรคเพื่อไทย สลัดไม่หลุดจากความเป็นคนใน “ระบอบทักษิณ”
แต่คนอย่าง “ทักษิณ” ก็มักจะทำอะไรที่ คาบเส้น คาบลูก คาบดอก กับข้อห้าม ข้อกฎหมายอยู่แล้ว เพราะเขาชอบมีภาพว่าเป็นผู้ “อยู่เหนือกฎหมาย”
ก็ต้องติดตามว่า “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” จะโลดแล่นไปถึงตำแหน่งประธานวุฒิสภาหรือไม่