เมืองไทย 360 องศา
ในความพยายามการันตี หรือในความหมาย คือ “ฟอก” ข้าวจากโครงการรับจำนำข้าวในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ผ่านมากว่าสิบปีโดยรัฐบาลชุดปัจจุบัน ทำท่าจะไม่ได้ผลในทางบวกมากนัก ตรงกันข้ามยิ่งเดินหน้า กลับยิ่งติดลบเสียเครดิตป่นปี้ยิ่งกว่าเดิม เพราะด้วยเหตุผลทางกายภาพเชิงประจักษ์ของข้าวที่มีอายุนานขนาดนั้น ผ่านการเก็บไว้ในโกดัง ต้องรมยา รมควันอย่างต่อเนื่อง สภาพของกระสอบที่บรรจุข้าวในโกดังที่ดูแล้วเปื่อยยุ่ย เห็นสภาพภายนอกแล้วไม่ควรบริโภค
เอาเป็นว่า แม้จะมีความพยายามทุกทางเพื่อให้ข้าวในโกดังที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยกขบวนไปพิสูจน์ด้วยการ “กินโชว์” เมื่อหลายวันก่อน ไม่ได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับคนทั่วไปเลย ยกเว้นพวกเดียวกันเอง และยังมองออกมาเป็นเรื่อง “การเมือง” เพื่อเจตนา “ฟอก” คนบางคนเท่านั้น โดยเฉพาะโครงการรับจำนำข้าวในอดีต ที่เต็มไปด้วยการทุจริต สร้างความเสียหายมหาศาลกว่าห้าแสนล้านบาท จนบัดนี้ยังต้องตั้งงบประมาณชดเชยไม่จบ
สังคมยังมองว่า ความพยายามในการ “ฟอก”ข้าวโครงการรับจำนำล็อตสุดท้าย เพื่อแสดงให้เห็นว่าข้าวยังมีคุณภาพ แต่ที่ผ่านมามีความพยายามบิดเบือนด้อยคุณภาพเพื่อทำลายทางการเมืองอะไรประมาณนั้น และหากพุ่งเป้าไปที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่กำลังหลบหนีคดีในต่างประเทศ ก็อาจส่งผลดีในการรื้อฟื้นคดี รวมไปถึงการกลับมา หากแสดงให้เห็นว่า ข้าวในโครงการดังกล่าวไม่ด้อยคุณภาพ และยังสามารถนำไปประมูลขายได้เงินคืนกลับมาหรือเปล่า
อย่างไรก็ดี มีความพยายามดึงกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์มาตรวจสอบพิสูจน์ข้าวดังกล่าวว่ามีสารพิษปนเปื้อน และยังมีคุณภาพหรือไม่ ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม ก็ได้มีการแถลงผลการตรวจออกมาแล้ว สรุปประมาณว่า ข้าวยังมีคุณภาพ รับประทานได้ ไม่มีเชื้อรา ไม่มีสารเคมีตกค้าง แต่มีซากแมลงเกินมาตรฐาน
นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงข่าวผลการตรวจข้าวที่ได้รับจากกระทรวงพาณิชย์ ทางด้านสารเคมีตกค้าง การปนเปื้อนสารพิษจากเชื้อรา และคุณภาพของข้าว ด้านสารอาหารและอื่นๆ ด้วยระบบคุณภาพมาตรฐาน ISO/IEC 17025
นพ.ยงยศ กล่าวว่า การตรวจข้าวจะมีการตรวจด้วยตาเปล่า ด้วยการดม ด้วยกล้องจุลทรรศน์กำลังขยาย 30 และ 50 เท่า เพื่อตรวจสอบคุณภาพ 3 ด้าน คือ 1. ด้านกายภาพ สิ่งแวดล้อม คือการดูลักษณะทั่วไป ดูลักษณะสี กลิ่นของเมล็ดข้าว และดูสิ่งแปลกปลอม เช่น แมลง ซากแมลง ชิ้นส่วนแมลง หิน กรวด เป็นต้น 2. ด้านความปลอดภัย จะตรวจสารพิษจากเชื้อรา เช่น สารอะฟลาท็อกซิน สารตกค้างที่เหลือจากการรมข้าว สารเคมีที่มีข้อกำหนดต้องตรวจตามมาตรฐานการเกษตร 250 ชนิด การตรวจโลหะหนัก และ 3. ด้านคุณค่าทางโภชนาการ ที่ประกอบด้วยสารอาหาร และแร่ธาตุ นอกจากนั้น ยังได้ตรวจหาสารพิษที่พบในอาหารประเภทบะหมี่ ตามที่มีรายงานข้าวในประเทศญี่ปุ่น และไต้หวันด้วย
นพ.ยงยศ กล่าวว่า ขั้นตอนในการตรวจนั้นจะมีการเตรียมตัวอย่าง และมีตัวอย่างควบคุม ซึ่งจะต้องนำเมล็ดข้าวทั้ง 4 ตัวอย่างไปบดละเอียด และนำมาตรวจหาสารต่างๆ โดยใช้การตรวจถึง 2 รอบ ทั้งที่มาตรฐาน ISO/IEC 17025 ให้ตรวจเพียงรอบเดียว
ผลการตรวจออกมาใน ด้านที่ 1 คุณภาพทางกายภาพและสิ่งแวดล้อม พบว่า ตัวอย่างข้าวที่ได้รับจากกระทรวงพาณิชย์ มีสิ่งแปลกปลอม ทั้งมีชีวิตและไม่มีชีวิต ส่วนใหญ่จะเป็นเศษของมอดทั้ง 3 ชนิด ที่พบบ่อยในข้าวสาร ผลการตรวจ 4 ตัวอย่าง พบว่ามีตัวอย่างที่ไม่พบสิ่งมีชีวิตอยู่ตัวอย่างเดียว คือ ข้าวสารใหม่ที่เป็นตัวอย่างควบคุม ส่วนอีก 1 ตัวอย่าง เป็นข้าวเก่า ที่ซื้อจากร้านค้าก็มีมอดปนอยู่แต่ไม่มาก แต่ตัวอย่างข้าวที่กระทรวงพาณิชย์ส่งมา พบว่ามีเศษขาแมลง และมีมอดอยู่จำนวนเยอะกว่ามาก ทั้งนี้ มาตรฐานสินค้าเกษตร มกษ.4000-2560 ระบุไว้ว่า ข้าวหอมมะลิไทยต้องปราศจากแมลง และไรที่มีชีวิต ดังนั้น ถ้าเอามาตรฐานสินค้าเกษตรมาเทียบ ก็จะไม่ผ่าน 3 ตัวอย่าง คือ ข้าวจากกระทรวงพาณิชย์ และข้าวเก่าในร้านค้า
ด้านที่ 2 ด้านความปลอดภัย จะตรวจสารอะฟลาท็อกซิน (B1+B2+G1+G2) และ เชื้อราอีก 7 ตัว ได้แก่ Deoxynivalenol, Fumonisins (B1+B2) , Ochratoxin A, Citrinin, Trichothecenes HT-2 toxin, Trichothecenes T-2 toxin และ Zearalenone พบว่า การตรวจครั้งแรก ไม่พบสารตกค้างดังกล่าว ซึ่งมีการตรวจซ้ำอีก 1 รอบ เพื่อตรวจสอบ ทั้งที่มาตรฐาน ISO/IEC 17025 กำหนดให้ทำเพียง 1 ครั้ง ก็ไม่พบสารตกค้างเช่นกัน ส่วนการตรวจหาสารตกค้างของสารรมควันได้ตรวจครบ 3 ตัว ได้แก่ hydrogen phosphide, bromide ion และ ethylene oxide และเพิ่มการตรวจสารกำจัดศัตรูพืช 250 ชนิด ตามที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ใช้ตรวจในกองด่านอาหารและยา ผลปรากฏว่า ไม่พบเลย
ส่วนการตรวจโลหะหนัก อยู่ในเกณฑ์ที่ไม่เป็นอันตราย มีความปลอดภัย แม้จะพบสารตะกั่วที่ 0.009 ในทั้ง 4 ตัวอย่าง แต่ก็พบน้อยกว่าค่ามาตรฐาน ที่กำหนดไว้ 0.2 อยู่ถึง 200 เท่า เช่นเดียวกับตรวจหาสารหนู ที่พบว่าตัวอย่างข้าวจากกระทรวงพาณิชย์ พบที่ 0.126 และ 0.146 และข้าวตัวอย่างควบคุม 2 ตัวอย่าง พบที่ 0.151 และ 0.122 ซึ่งน้อยกว่าค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ 0.2 ดังนั้น ด้านโลหะปนเปื้อน อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
แน่นอนว่า เมื่อผลตรวจในห้องแลปของกรมวิทยาศาสตร์ออกมายืนยันว่า ข้าวดังกล่าวไม่มีสารตกค้าง ไม่มีเชื้อรา ไม่มีสารอะฟลาท็อกซิน ที่อันตราย คงสร้างความพอใจกับทางรัฐบาล โดยเฉพาะ นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่เคยนำคณะไปตรวจข้าวในโกดัง และมีการ “กินโชว์” มาแล้ว แต่ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาในรายละเอียดในการแถลงของอธิบดีกรมการแพทย์ ก็ยังยอมรับว่า “มีซากแมลง มีมอด” ในข้าวสารจำนวนมากเกินมาตรฐาน ซึ่งเมื่อพิจารณาทางกายภาพแล้ว มันก็ต้องเห็นแบบนั้น เพราะเต็มไปด้วยมอด แมลงมากมาย รับรองว่าคนทั่วไปคงไม่มีกล้ากินแน่นอน
อย่างไรก็ดี แม้ว่าผลการตรวจออกมาจะยืนยันว่าไม่มีสารอันตรายตกค้าง แต่ก็คงไม่ช่วยอะไรได้มากนัก โดยเฉพาะในเรื่องของความเชื่อมั่นที่เสียหายไปแล้ว เพราะจะว่าไปแล้วในคำแถลงของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ก็ยังระบุชัดว่า ในข้าวที่นำมาพิสูจน์นั้น เต็มไปด้วยซากสัตว์และแมลงเกินมาตรฐาน ซึ่งมองด้วยตาเปล่าก็เห็นได้ชัดเจน จนไม่มีการชี้ชัดว่าสมควรบริโภคหรือไม่ เพราะตามปกติข้าวที่ได้มาตรฐานจะไม่ซากสัตว์ปะปนมามากมายขนาดนี้
แม้ว่าผลออกมาจะสรุปว่า ไม่มีสารพิษตกค้าง แต่เชื่อว่าในความรู้สึกของชาวบ้านที่เห็นสภาพข้าวที่มีอายุกว่า 10 ปี มีสภาพสีเหลือง เต็มไปด้วยมอด แมลง อยู่เต็มไปหมด อีกทั้งด้วยสภาพของกระสอบที่บรรจุที่เปื่อยยุ่ย มองเห็นเป็นลักษณะคล้ายเชื้อรา คงไม่มีใครมั่นใจแน่นอน
ดังนั้น การที่ผลการตรวจของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จะการันตีในเรื่องไม่มีสารพิษ และสารตกค้าง แต่ก็คงไม่ทำให้คนทั่วไปเชื่อมั่น หรือกล้าบริโภคข้าวดังกล่าวที่ค้างโกดังมานานนับสิบปี แต่มองว่านี่คือ “การเมือง” ที่มีเจตนา “ฟอกขาว” ให้กับบางคน โดยเฉพาะสายตาที่เพ่งมองไปที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ถือว่าเป็น “นายหญิง” ของพวกเขา ลักษณะที่เห็นก็ไม่ต่างจากสภาพ “ยิ่งฟอก ยิ่งเน่า” มีภาพที่ติดลบกว่าเดิม !!