นายกฯ ส่งเสริมEEC ลงนามMOU ธนาคารแห่งอเมริกา ดึงดูดนักลงทุนสหรัฐฯ ร่วมลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายสำคัญ ตั้งเป้าลงทุนพื้นที่ EEC เฉลี่ยปีละ 1 แสนล.ใน 5 ปี พร้อมประกาศกลไกใหม่ อำนวยความสะดวกแก่นักลงทุน ผ่าน EEC Visa
วันนี้ (17พ.ค.) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับการดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ รวมทั้งสนับสนุนทุกกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของไทย ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เพิ่มคุณภาพแรงงาน และอำนวยความสะดวกให้ต่างชาติที่มาลงทุนในไทย ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรือ EEC ได้ขานรับแนวนโยบายดังกล่าว โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2567 ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับธนาคารแห่งอเมริกา (Bank of America) สาขาประเทศไทย เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นในการลงทุน สร้างเครือข่ายความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ และเชิญชวนนักลงทุนจากสหรัฐอเมริกาเข้าสู่พื้นที่ EEC ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีการลงทุนเพิ่ม 5 แสนล้านบาท ในกรอบระยะเวลา 5 ปี
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การจัดทำ MOU ระหว่าง EEC และ Bank of America สาขาประเทศไทย ถือเป็นนิมิตรหมายสำคัญจากสถาบันการเงินชั้นนำที่มีความเชี่ยวชาญ มีฐานลูกค้ามีเครือข่ายด้านการเงิน การลงทุน และบริการให้คำปรึกษาด้านการเงินจากธนาคารในระดับโลก ให้ความเชื่อมั่นที่จะร่วมมือกับไทย ซึ่งทางธนาคารฯ ได้เน้นย้ำว่า ไทยเป็นเป้าหมายสำคัญสำหรับนักลงทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะการลงทุนจากกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายสำคัญ เช่น Logistics หุ่นยนต์ ยานยนต์ และพลังงานสะอาด
โดยในปัจจุบัน EEC ขับเคลื่อนกลไกผ่านการสนับสนุนการลงทุน สร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนจากทั่วโลก เพื่อดึงดูดเม็ดเงินลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการอำนวยความสะดวกและให้สิทธิประโยชน์แก่นักลงทุนในพื้นที่ EEC ในการประกอบธุรกิจสำหรับผู้ประกอบกิจการ ตามพระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. 2561 อาทิ
- การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับกำไรสุทธิที่ได้จากการประกอบกิจการระยะเวลา 1-15 ปี
- การยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับเครื่องจักร สิทธิประโยชน์ในการถือกรรมสิทธิ์ที่ดินภายในพื้นที่ EEC เพื่อการประกอบกิจการที่ได้รับอนุญาต
- สิทธิประโยชน์ในการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ (EEC Visa) ซึ่งล่าสุดคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้คนต่างชาติที่มีศักยภาพและเป็นกลุ่มเป้าหมายสามารถยื่นขอ EEC Visa เพื่อเข้ามาทำงานในประเทศไทยได้สูงสุดไม่เกิน 10 ปี และได้รับลดหย่อนอัตราภาษีบุคคลธรรมดาในอัตราคงที่ 17%
“นายกรัฐมนตรี สนับสนุนทุกความร่วมมือเพื่อส่งเสริมการลงทุนโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เป็นประโยชน์ร่วมกันทั้งกับผู้ลงทุน และไทย ในฐานะประเทศต้นทาง รวมทั้ง ส่งเสริมการลงทุนโดยใช้ชิ้นส่วนการผลิตจากอุตสาหกรรมท้องถิ่น เพื่อให้สินค้าไทยอยู่ใน Supply Chain สำคัญของสายการผลิต โดยเชื่อมั่นว่านโยบายด้าน Ease of Doing Business ซึ่งรัฐบาลดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง จะเพิ่มความสนใจ เพิ่มความเชื่อมั่นในการลงทุน เพิ่มสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ให้กับนักลงทุนทั่วโลกที่สนใจลงทุนในประเทศไทย” นายชัย กล่าว