ข่าวปนคน คนปนข่าว
** “เสี่ยหนู”เพื่อเก้าอี้ ยอมหงอ ไม่ยอมหัก เท“กัญ” บ่งบอกภูมิใจไทย พูดแล้วไม่ทำ-ทำแล้วทิ้ง!
พลันที่ท่าที “หมอสมศักดิ์” สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ยืนยันว่า “กัญชา”จะกลับสู่บัญชียาเสพติดอีกครั้ง หลังจาก "เศรษฐา ทวีสิน" นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งให้แก้ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ดึงกัญชากลับสู่บัญชียาเสพติดประเภท 5 และให้เร่งออกกฎกระทรวงอนุญาตให้ใช้เฉพาะประโยชน์ทางการแพทย์ และสุขภาพเท่านั้น
สังคมก็หันขวับไปที่ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เจ้าของนโนบายผลักดันปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติดจนกลายเป็น “กัญชาเสรี” ดังที่เห็นในวันนี้
ทุกคนต่างรอชมว่า “เสี่ยหนู” จะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับปฏิบัติการล้มนโยบายของพรรคภูมิใจไทย ก็ปรากฏว่า เสี่ยหนู ไม่ได้ขึงขัง จริงจังเหมือนตอนที่ให้สัมภาษณ์เปิดผับตีสี่ ที่ทั้งระริกระรี้ กระปรี้กะเปร่า
หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยไม่ได้เกรี้ยวกราด ฟาดไม่ยั้ง ที่พรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันกำลังถือแปรงลบกระดาน เตรียมหาญหักนโยบายกัญชาเสรีของพรรค ที่สู้อุตสาห์หาเสียง และกว่าจะปลดล็อกได้สำเร็จ
เห็นว่า “เสี่ยหนู” ต่างจากสมัยเป็น “หมอหนู” คุมกระทรวงสาธารณสุข โดยมีท่าทีเรียบๆ ร้อยๆ พูดจาถ้อยทีถ้อยอาศัย บางตอนบางช่วงพูดอะไรออกมาตัวเองก็ยังฟังไม่รู้เรื่อง เหมือนถนอมน้ำใจเพื่อไทย แปลไม่ออกว่าคัดค้าน หรือเห็นด้วยกับ “หมอสมศักด์” ที่จะเอากัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ซึ่งอาการของเสี่ยหนู พูดตามภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่า “หงอ” นั่นแหละ
ว่ากันว่า อาการหงอ ยอมงอ ไม่ยอมหักของ “เสี่ยหนู” เป็นเหตุผลทางการเมืองล้วนๆ
หนึ่งนั้น พรรคภูมิใจไทยตอนนี้เป็นพรรคที่ไม่มีอำนาจต่อรองอะไรได้กับพรรคเพื่อไทย หรือ “ทักษิณ ชินวัตร” ต่างกับช่วงก่อนเลือกตั้ง หรือช่วงจัดตั้งรัฐบาลใหม่ๆ จะอยู่หรือไป ไม่มีปัญหา
เพราะนาทีนี้ เพื่อไทย หรือ “ทักษิณ” ไม่ได้กลัวว่า หักกับภูมิใจไทยแล้ว “เสี่ยหนู” และ พลพรรคจะไปจับมือจับขั้วกับพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นไปแทบไม่ได้
สอง พรรคภูมิใจไทยวันนี้ไม่ได้สนใจอะไรไปมากกว่า รักษาตำแหน่งพรรคร่วม รักษาเก้าอี้รัฐมนตรี คงสถานะไว้อย่างน้อยเป็นรัฐบา ลอาจจะมีผลต่อคดียื้อยุบพรรค คดีที่ดินรถไฟ เขากระโดง ที่บุรีรัมย์ของ “ครูใหญ่” เนวิน ชิดชอบ
ส่วนอุดมการณ์ หรือ นโยบายอะไรที่รับปากประชาชนไว้ ไม่ใช่ช่วงเวลาเลือกตั้ง “กัญชาเสรี”จะพังก็ช่างมัน ก็มีข้ออ้างได้ว่า เพราะ ไม่ได้ดูแลกระทรวงที่เกี่ยวข้องแล้ว
เรียกว่า ตามเหตุผลทางการเมืองเรื่องผลประโยชน์ เรื่อง เท "กัญ” ภูมิใจไทย คิดสะระตะแล้วแข็งกร้าวค้านไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา แต่ถ้า “หงอ” อย่างน้อยยังได้ไปต่อกับรัฐบาลเพื่อไทย
เข้าทำนอง โมเดลพรรคการเมืองน้ำเน่า อุดมการณ์กินไม่ได้ เก้าอี้รัฐมนตรีสิชองแทร่...กินได้ !
เรื่องนี้ถ้า “เสี่ยหนู” เป็น“หมอหนู” คนเดิม พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคที่ไทยภูมิใจเหมือนที่เคยโฆษณาว่า “พูดแล้วทำ” งานนี้มีแต่ต้องพิสูจน์กันได้ด้วยการกระทำ
ไหนๆสู้ฟันฝ่า ผ่าดงตีน ปลดล็อกกัญชาออกมากรงได้ เมือมีใครมาแหยม หรือ “หมอสมศักดิ์” จะจับใส่กุญแจลั่นดาลขังกัญชาเอาไว้อีก “เสี่ยหนู” ต้องชักธงรบ ตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง เพื่อตอกย้ำว่า กัญชา เป็นพืชสมุนไพร ที่มีคุณูปการต่อการแพทย์ และเศรษฐกิจ
ถ้าสู้แพ้ ก็แค่ลาออกจากพรรคร่วมรัฐบาล แต่รักษาสัจจะเอาไว้ ซึ่งคำถามก็คือ“เสี่ยหนู” อนุทิน และพรรคภูมิใจไทยจะกล้าหรือไม่ ?
ถ้าไม่กล้า แล้วเท "กัญ” ทิ้งกัญชาเสรีไม่เหลือเยื่อใย หรือแสดงออกว่ามีเยื่อใยแต่เป็น “การละคร” ก็ต้องรับสภาพเอาเองว่า ต่อจากนี้คนต้องนินทา หมาจะดูถูก ตราหน้า “เสี่ยหนู” และภูมิใจไทย
นี่ไงพรรค…พูดแล้วไม่ทำ ทำแล้วทิ้ง!
** การเรียนรู้ไม่สิ้นสุด! “หมออ้อม-พักตร์พิไล ทวีสิน” สตรีหมายเลข 1 มีชื่ออบรม “ปปร. 28” พร้อม สส.-บิ๊กธุรกิจเพียบ “สส.โรม- สส.เท่า" ติดตัวสำรอง
เป็นที่จับตาอีกครั้ง เมื่อมีชื่อ “หมออ้อม” พักตร์พิไล ทวีสิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ชะลอ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ภริยา "นายกฯนิด” เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นผู้ที่ผ่านการคัดเลือกเข้าศึกษาอบรมหลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูง การเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย สำหรับนักบริหารระดับสูง รุ่นที่ 28 หรือ “ปปร.28”
สำหรับหลักสูตร “ปปร.” ของสถาบันพระปกเกล้า ถือเป็นหลักสูตรระดับ “ท็อปไฟว์” ที่ได้รับความนิยมในหมู่ “ผู้บริหารระดับสูง” ในระนาบใกล้เคียงกับหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงของสถาบันวิทยาการตลาดทุน (วตท.) ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, หลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (บ.ย.ส.) ของสำนักงานศาลยุติธรรม , หลักสูตรการพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง (พตส.) ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง และหลักสูตรหลักนิติธรรมเพื่อประชาธิปไตย (นธป.) ของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เป็นต้น
ส่วน “พี่ใหญ่” แห่งวงการหลักสูตรเรียนรู้ ที่ได้ของแถมเป็น “คอนเนกชัน” ต่อยอดธุรกิจ-การงาน คงต้องยกให้กับ หลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร หรือ “วปอ.” อันลือลั่น
สำหรับหลักสูตร ปปร. ดำเนินมาถึงรุ่นที่ 28 ที่มีชื่อ “หมออ้อม” เข้าร่วมอบรม มีรายชื่อบรรดานักการเมือง นักธุรกิจ และข้าราชการ รวม 160 คน และมีรายชื่อสำรอง 17 คน
อาทิ ในส่วนของ พรรคเพื่อไทย ก็มี “สส.เบียร์” ชญาภา สินธุไพร สส.ร้อยเอ็ด น้องสาว “รมต.น้ำ” จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, “สส.ไมค์” พชร จันทรรวงทอง สส.นครราชสีมา บุตรชาย “เฮียเสริฐ” ประเสริฐ จันทรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
พรรคก้าวไกล ก็มี “สส.เพชร” กรุณพล เทียนสุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ, “สส.แบงค์” ศุภณัฐ มีนชัยนันท์ สส.กทม., “ครูจวง” ปารมี ไวจงเจริญ สส.บัญชีรายชื่อ “สส.มานพ” มานพ คีรีภูวดล สส.บัญชีรายชื่อ ตัวแทนกลุ่มชาติพันธุ์
พรรคประชาธิปัตย์ มี “สิงโต” ศักดิ์สิทธิ์ ขาวทอง สส.สงขลา บุตรชาย “นายกชาย” เดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรค, พรรคพลังประชารัฐ มี “สส.แสน” อัครแสนคีรี โล่ห์วีระ สส.ชัยภูมิ และ พรรคประชาชาติ มี “สส.โน่” ซูการ์โน มะทา สส.ยะลา น้องชาย “วันนอร์” วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานรัฐสภา
ส่วนภาคธุรกิจเอกชน ก็มี “บิ๊กเนม” จากหลายบริษัทชั้นนำเข้าร่วม อาทิ “ชาลี บาลมงคล” รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ด้านอำนวยการโครงการพลังงานสะอาดบริษัทไทยออยล์จำกัด (มหาชน), “เชิดชัย บุญชูช่วย” รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน), “พีรสิทธิ์ บุญนำ” ผู้อำนวยการธุรกิจสัตว์น้ำ บริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และ “ศรีรัชต์ ธนะรัชต์” กรรมการบริหาร บริษัทเชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด เป็นต้น
ซึ่งต้องบอกว่าผู้ที่ได้เข้าอบรมหลักสูตร ปปร.แต่ละรุ่นถือว่า “ไม่ธรรมดา” และหากไม่แน่จริงก็คงไม่ได้ผ่านเข้าไปเรียนง่ายๆ ดูอย่างรุ่นที่28 นี้ ผู้แทนฯระดับตัวตึง อย่าง“สส.โรม” รังสิมันต์ โรม และ “สส.เท่า” เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร จากค่ายก้าวไกล ยังติดรายชื่อแค่ตัวสำรอง
การมีชื่อเข้าอบรมหลักสูตร ปปร.28 น่าจะเป็นการย้ำความใฝ่รู้ ใฝ่เรียน ของ “หมออ้อม” ที่วันนี้สวมหมวก “สตรีหมายเลข 1” อยู่ด้วยได้เป็นอย่างดี
ด้วยก่อนหน้านี้ “หมออ้อม” ก็เพิ่งมีชื่อเข้าอบรมหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านวิทยาการพลังงาน (วพน.) รุ่นที่ 19 หรือ “วพน.19” มาหมาดๆ
