หญิงไทย ‘ปวดท้องน้อย’ อย่าทนแพทย์เตือนสัญญาณโรคช็อกโกแลตซีสต์ ชี้ไม่รู้สาเหตุที่แท้จริง –ไม่หายขาด ซ้ำเสี่ยงเป็นมะเร็งรังไข่ได้ แนะพบ 4 อาการควรเร่งพบแพทย์
วันนี้ ( 15 พ.ค. ) ที่อาคารบริหารไปรษณีย์ไทย แจ้งวัฒนะ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ โดยศูนย์สุขภาพสตรี โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ และโรงเรียนนักอัลตราซาวด์ทางการแพทย์ วิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ร่วมกับบริษัท ไบเออร์ไทย จำกัด จัดงานเสวนา “ปวดท้องน้อย อย่าปล่อยผ่าน กับโรคช็อกโกแลตซีสต์” ขึ้น นำโดย ผศ.นพ.ณัฐวุฒิ กันตถาวร ผู้ช่วยคณบดีวิทยาลัยแพทยศาสตร์ศรีสวางควัฒน ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และหัวหน้าศูนย์สุขภาพสตรี โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ พญ.กตัญญุตา นาคปลัด แพทย์เฉพาะทางสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา และเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ ศูนย์สุขภาพสตรี โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ มาให้ความรู้
ผศ.นพ.ณัฐวุฒิ กล่าวว่า โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่เป็นภาวะที่เซลล์ของเยื่อบุโพรงมดลูกไปเจริญเติบโตอยู่นอกโพรงมดลูก มักพบบริเวณอุ้งเชิงกราน เช่น รังไข่ ท่อนำไข่ เยื่อบุช่องท้องในอุ้งเชิงกราน หรืออาจแทรกอยู่ในกล้ามเนื้อมดลูกในลำไส้ หรือที่ปอด ในแต่ละรอบเดือนเยื่อบุโพรงมดลูกจะหลุดออกจากโพรงมดลูกเป็นประจำเดือน แต่เมื่อเยื่อบุเหล่านี้ไปเจริญเติบโตอยู่ผิดที่ เมื่อหลุดลอกออกก็จะไหลย้อนกลับเข้าสู่ช่องท้องทางท่อนำไข่ มีการสร้างเลือดตามรอบเดือนปกติ ทำให้มีเลือดสีแดงคล้ำหรือสีดำข้นสะสมจนกลายเป็นโรคที่รู้จักกันดี คือ “ช็อกโกแลตซีสต์”
“โรคนี้ยังไม่มีการรู้สาเหตุที่แท้จริง และไม่มีวิธีป้องกัน ดังนั้นหากผู้หญิงมีอาการปวดท้องน้อยรุนแรงและต่อเนื่องจนกระทบกับคุณภาพชีวิตแนะนำให้มาตรวจ แต่ทางที่ดีควรตรวจก่อนมีอาการโดยตรวจคัดกรองด้วยการตรวจภายในเป็นประจำทุกปี ช่วยคัดกรองทั้งโรคเยื่อบุโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่และมะเร็งปากมดลูกไปพร้อมกัน”
นอกจากนี้โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ยังสัมพันธ์กับมะเร็งรังไข่ หากผู้หญิงชะล่าใจมีโอกาสที่จะเป็นโรคที่รุนแรงได้ หลายปีที่ผ่านมาโรงพยาบาลจุฬาภรณ์จึงรณรงค์เรื่องนี้ร่วมกับภาคส่วนต่างๆ เพื่อนำความรู้สู่ประชาชน สร้างความตระหนักรู้ให้ผู้หญิงทุกวัย จึงแนะนำให้ผู้หญิงสังเกตอาการตนเอง หากมีอาการเหล่านี้ให้รีบพบสูตินรีแพทย์ทันที ได้แก่ 1.ปวดท้องประจำเดือนที่มากกว่าปกติ มีอาการปวดขณะมีประจำเดือนและปวดมากขึ้นเมื่อมีประจำเดือน และอาจรุนแรงเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในรอบเดือนถัด ๆ ไป 2.ปวดขณะมีเพศสัมพันธ์ โดยจะมีอาการเจ็บลึก ๆ ระหว่างหรือหลังมีเพศสัมพันธ์ 3.ปวดอุ้งเชิงกราน โดยมีอาการปวดขณะไม่มีประจำเดือน และมีอาการปวดเรื้อรังผิดปกติ และ 4.ประสบภาวะมีบุตรยาก เนื่องจากโรคนี้มักจะทำให้เกิดพังผืดในอุ้งเชิงกราน บางรายเป็นมากจนทำให้เกิดการอุดตันของท่อนำไข่ทั้งสองข้าง ไม่สามารถมีบุตรเองได้โดยวิธีธรรมชาติ
ส่วนวิธีการรักษามี 3 แนวทางคือ การกินยา การผ่าตัด และการรักษาร่วมกัน กรณีโรคไม่รุนแรงสามารถรักษาด้วยยา แต่หากพบช็อกโกแลตซีสต์มีขนาดเกิน 4 ซม.ต้องรักษาด้วยการผ่าตัด
ด้านพญ.กตัญญุตา กล่าวว่า โรคนี้พบได้ประมาณ 1 ใน 10 ของสตรีวัยเจริญพันธุ์ และอาจสูงถึง 5 ใน 10 ของสตรีวัยเจริญพันธุ์ที่มีอาการปวดประจำเดือน ความรุนแรงของอาการมีหลายระดับ แต่ผู้หญิงมักมองข้าม ยิ่งในช่วงเวลาที่มีประจำเดือนอาจคิดว่าการปวดท้องน้อยเป็นเรื่องปกติ ซึ่งความจริงอาจเป็นการส่งสัญญาณเตือนถึงโรคนี้ได้ดังนั้นกลุ่มเสี่ยงควรรีบปรึกษาสูตินรีแพทย์และเข้ารับการตรวจวินิจฉัย โดยไม่ต้องกังวลกับการตรวจ เพราะมีหลายรูปแบบทั้งทำอัลตราซาวด์หน้าท้อง ตรวจทางทวารหนัก รวมถึงการตรวจภายในเพื่อหารอยโรค ประเมินจากอาการและความรุนแรงของโรค เพื่อให้แพทย์สามารถวางแผนการรักษาให้กับผู้ป่วยได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
“โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่เป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่จะดีขึ้นเองเมื่อไม่มีฮอร์โมนเพศมากระตุ้น หรือเมื่อเข้าสู่ภาวะหมดประจำเดือน อีกกลุ่มคือ หญิงตั้งครรภ์ เพราะในช่วงตั้งครรภ์จะมีฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนปริมาณสูงมาก ทำให้โรคสงบลงได้ รวมถึงในช่วงให้นมบุตรที่ไม่มีการตกไข่ ทำให้ไม่มีประจำเดือน อาการของโรคก็จะดีขึ้นแต่เมื่อพ้นระยะเหล่านี้ ตัวโรคสามารถกลับมาเป็นใหม่ได้ “พญ.กตัญญุตา กล่าวและว่า โรคนี้ยังอาจส่งผลต่อการมีบุตรยาก ซึ่งแพทย์ด้านภาวะการมีบุตรยากก็จะแนะนำวิธีการรักษามีตั้งแต่ การกระตุ้นรังไข่ไปจนถึงการใช้วิธีปฏิสนธินอกร่างกายหรือการทำเด็กหลอดแก้ว และปัจจุบันมีเทคโนโลยีช่วยในการเจริญพันธ์ ผู้หญิงที่เป็นโรคเยื่อบุเจริญผิดที่ 80-90% สามารถมีบุตรได้ถ้าไม่มีปัจจัยอสุจิร่วมด้วย แต่หัวใจสำคัญคือต้องรีบมาพบแพทย์
พญ.ปานียา กล่าวว่า ไบเออร์ในฐานะผู้เชี่ยวชาญผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลสุขภาพผู้หญิง พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการรณรงค์ในเดือนพฤษภาคม ผ่านแคมเปญ “Bayer For Her” และ #ปวดท้องต้องตรวจ #ปวดท้องน้อย พูดสิพูดได้ กับโรคช็อกโกแลตซีสต์ เพื่อกระตุ้นให้ผู้หญิงตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพตนเอง และอย่าลังเลที่จะปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำวินิจฉัยและการรักษาอย่างทันท่วงที ทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ทั้งนี้ภายในงานยังเปิดโอกาสให้ผู้หญิงที่มีอาการปวดท้องน้อยกว่า 30 คนเข้ารับบริการประเมินอาการตรวจคัดกรองความเสี่ยงด้วยวิธีอัลตราซาวด์ช่องท้องส่วนล่าง จากทีมบุคลากรของโรงเรียนนักอัลตราซาวด์ทางการแพทย์ วิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ พร้อมรับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายด้วย