xs
xsm
sm
md
lg

พท.เสี่ยงชนภูมิใจไทย เกมลุยยาเสพติด !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เศรษฐา ทวีสิน - อนุทิน ชาญวีรกูล
เมืองไทย 360 องศา

หลังจากโดนถล่มอย่างหนักจากสังคมจากกรณีประกาศกฎกระทรวงสาธารณสุขที่กำหนดมียาบ้าในครอบครองไม่เกิน 5 เม็ด ถือเป็นผู้เสพต้องบำบัดรักษา โดยก่อนหน้านั้น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ย้ำว่า กฎกระทรวงกำหนดปริมาณยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ที่ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ พ.ศ.2567” โดยเพิ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา

ประกาศกฎกระทรวงสาธารณสุขดังกล่าว ได้เกิดเสียงวิจารณ์อย่างกว้างกขวาง และมีเสียงคัดค้านดังระงม โดยเฉพาะกล่าวหาว่ามีส่วนสำคัญทำให้ปัญหายาเสพติดระบาดอย่างหนักในเวลานี้ โดยเฉพาะปัญหายาบ้า ที่ส่วนหนึ่งจะอาศัยช่องว่างดังกล่าว “หัวหมอ” พลิกจากผู้ค้ากลายเป็นผู้เสพ ซึ่งโทษจะน้อยกว่ามาก

ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว นโยบายปราบปรามยาเสพติดมักถูกเคลมมาตลอดว่า เป็นผลงานเด่นของพวกเขา แม้ว่าในยุคของรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร ที่ยังเป็นพรรคไทยรักไทย จะถูกวิจารณ์ในเรื่อง “ฆ่าตัดตอน” ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง แต่อีกส่วนหนึ่งก็ยังมีคนชื่นชอบกับการปราบปรามในยุคนั้น

แต่มาในยุคของพรรคเพื่อไทย ในรัฐบาลที่นำโดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่มีการประกาศกฎกระทรวงสาธารณสุข ที่เกี่ยวกับการครอบครองยาบ้าไม่เกิน 5 เม็ด ถือเป็นผู้เสพ ทำให้เกิดเสียงคัดค้านถูกโจมตีมาจากทุกทิศทาง จนทำให้ภาพลักษณ์ในเรื่องการแก้ปัญหายาเสพติดของพรรคมีปัญหา และถูกตั้งคำถามมากขึ้นเรื่อยๆ จะด้วยสาเหตุนี้หรือเปล่าที่ล่าสุดต้องมีการกลับลำใหม่ โดยนายเศรษฐา ได้ออกมาย้ำว่าได้สั่งการให้มีการแก้ไขกฎกระทรวงให้ยาบ้าเพียง 1 เม็ด ก็มีความผิด

ขณะเดียวกันก็ยังมีการให้นำ "กัญชา" กลับเป็นยาเสพติดประเภทที่ 5 ให้ใช้ประโยชน์ทางการแพทย์และสุขภาพเท่านั้น โดยทั้งสองเรื่องดังกล่าวให้ดำเนินการให้เสร็จภายใน 90 วัน

อย่างไรก็ดี เรื่องหลังนี่แหละอาจจะสร้างปัญหาให้เกิดรอยร้าวระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล คือ เพื่อไทยกับ พรรคภูมิใจไทย ที่ผลักดันเรื่อง“กัญชา” หรือที่เรียกว่า “กัญชาเสรี” สามารถนำออกมาจากบัญชียาเสพติดประเภทที่ 5 ได้ในรัฐบาลก่อน และเป็นนโยบาย “เรือธง” ของพรรคในช่วงการหาเสียงที่ผ่านมา

ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ประชุมแก้ไขปัญหายาเสพติด ว่ามีการเสนอแนวทางการนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ซึ่งจะส่งผลกระทบถึงพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ที่ใช้นโยบายปลดล็อกกัญชาหาเสียงหรือไม่ ว่าทำไมคำถามที่ท่านถาม ถามว่าทำไมกระทบกับพรรค อะไรที่กระทบกับพี่น้องประชาชนเป็นหลัก ผมเชื่อว่าทั้งพรรคภูมิใจไทย พรรคเพื่อไทย หรือคณะรัฐบาล เราตัดสินใจทำอะไร เราตัดสินใจทำเพื่อประชาชน

เมื่อถามว่า ได้คุยกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย แล้วหรือยัง นายเศรษฐา กล่าวว่า เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องมีการคุยกันเรียบร้อยแล้ว

ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลจะมีการพิจารณานำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดว่า เรื่องดังกล่าวต้องผ่านการศึกษาและประเมิน ซึ่งยังมีขั้นตอนอีกมาก โดยจะต้องผ่านคณะกรรมการ 2-3 ชุด ก่อนจะมีการดำเนินการใดๆ ที่จะผิดแปลกไปจากปัจจุบันนี้

ส่วนจะกระทบกับผู้ที่ปลูกกัญชาในปัจจุบันหรือไม่นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกอย่างมีผลดี-ผลเสียหมด ฉะนั้นจะต้องมาพิจารณาดู ซึ่งข้อมูลจากเมื่อปี 2565 จากการปลดล็อกกัญชา มีอะไรที่แตกต่างจากข้อมูลในปี 2567 นี้หรือไม่ หากมีความแตกต่าง สามารถนำมาพิจารณาใหม่ได้ ซึ่งในฐานะที่เป็นกรรมการชุดเก่ามีข้อมูลอีกชุดหนึ่ง และคณะกรรมการชุดใหม่อาจมีข้อมูลอีกชุดหนึ่ง จึงจะต้องมาหารือกัน แต่สุดท้ายทุกอย่างเป็นไปตามที่นายกรัฐมนตรีกล่าวไว้ว่า ทุกอย่างต้องเป็นไปตามประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ และหากเป็นไปตามการตัดสินใดๆ เรายอมรับในการตัดสินใจนั้น

อย่างไรก็ดี นายอนุทิน ยืนยันว่า เรื่องนี้จะไม่มีผลต่อการร่วมงานในรัฐบาล และขออย่านำประเด็นกัญชามาเป็นเรื่องทางการเมือง รวมถึงย้ำว่าประเด็นดังกล่าวเป็นนโยบายของรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภา

“หลังจากนี้จะต้องไปเริ่มที่คณะกรรมการยาเสพติดแห่งชาติ ที่ต้องไปพิจารณา และจะต้องไปศึกษา ไม่ใช่จะมาเปลี่ยนได้เลย เพราะมีที่มาที่ไป ก่อนจะผ่านคณะกรรมการชุดก่อนๆ ซึ่งการปลดล็อกกัญชา เมื่อปี 2565 ถือว่าเป็นเอกฉันท์ การจะมาเปลี่ยนนโยบายจะต้องมีการพูดคุยกัน และคณะกรรมการชุดปัจจุบันยังมีบุคคลที่เคยนั่งดำรงตำแหน่งในการพิจารณาปลดล็อกกัญชา รวมถึงผมอยู่ด้วย”

พร้อมกับกล่าวว่า หากมีการโหวต ก็จะโหวตตามข้อมูลที่มี ซึ่งหากผลโหวตออกมาอย่างไร พร้อมที่จะยอมรับ จะได้เลิกคิดว่าประเด็นดังกล่าวเป็นประเด็นทางการเมือง ฉะนั้นหากมีข้อมูลที่เป็นข้อมูลปัจจุบัน ขอให้นำข้อมูลใหม่เข้ามา อย่าเป็นเหตุทางการเมือง เพราะหากใครเข้ามาเป็น รมว.สาธารณสุขอีก อาจจะเปลี่ยนอีก ซึ่งทำไม่ได้ เพราะเราจะใช้อารมณ์ส่วนตัวมาพิจารณาไม่ได้”

แน่นอนว่า การเปลี่ยนนโยบายดังกล่าว มองอีกมุมเหมือนกับการปะทะกันระหว่างสองพรรคการเมือง ที่ต่างฝ่ายต่างก็ต้องการความนิยม และการสนับสนุนจากชาวบ้าน เพื่อหวังผลทางการเมือง และหากพิจารณาจากท่าทีแล้วแม้จะออกมาในโทนประนีประนอม แต่เมื่อพิจารณาให้ละเอียดจะเห็นว่า มี“จุดยืน” เป็นของตัวเอง โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย ที่ถือว่านโยบายกัญชานั้นมาไกลแล้ว เหลือเพียงต้องสานต่อให้จบเท่านั้น นั่นคือ ต้องเข็นกฎหมายควบคุมการใช้ออกมาบังคับ หลังจากต้องตกไปในช่วงปลายสมัยรัฐบาลที่แล้ว ซึ่ง นายอนุทิน เคยกล่าวว่า “ถูกหักหลัง” ส่วนจะชี้ไปที่พรรคเพื่อไทยหรือไม่มันก็น่าคิดเหมือนกัน

มาถึงตอนนี้ทำให้เริ่มมองเห็นร่องรอยความขัดแย้งที่ชัดขึ้นกว่าเดิม แม้ว่าคงยังไม่ถึงจุดแตกหัก เพราะยังไม่สุกงอมพอ อีกทั้งยังสามารถประสานประโยชน์ในเรื่องอื่นกันได้อยู่ เพียงแต่เริ่มเห็นการขัดกันในบางเรื่อง หลังจากก่อนหน้านี้ก็มี ส.ส.ภูมิใจไทย ที่เคยออกมาโจมตีนโยบายดิจิทัล วอลเล็ต อย่างรุนแรงมาแล้ว แม้ว่าจะเป็นเพียงระดับ ส.ส.แต่ก็ย่อมสร้างความขุ่นมัวได้เหมือนกัน และคราวนี้เหมือนกับว่าต้องเอาคืนกลับไปบ้าง เพื่อเรียกความนิยมกลับมา !!


กำลังโหลดความคิดเห็น