เมืองไทย 360 องศา
การกินข้าวโชว์ของ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันก่อน ได้สร้างผลสะท้อนกลับมาแบบไม่คาดหมาย จากเดิมคาดว่ามีเป้าหมายโชว์ให้เห็นว่าข้าวเก่าเก็บมานาน 10 ปี ยังมีคุณภาพดี สามารถกินได้ และนำมาขายนำเงินกลับคืนมาได้บ้าง อย่างน้อยก็ชี้ให้เห็นว่าโครงการรับจำนำข้าวในอดีต มันไม่ได้สร้างความเสียหาย
แน่นอนว่าสำหรับโครงการรับจำนำข้าวในอดีตเกิดขึ้นในยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งที่ผ่านมาเกิดการทุจริตกันมโหฬาร สร้างความเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท มีอดีตรัฐมนตรี และข้าราชการระดับสูง รวมไปถึงภาคเอกชน ต้องติดคุกกันหลายคน โดยเฉพาะนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายภูมิ สารผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นต้น ขณะที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ เอง ก็มีความผิดฐานปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริต จนถูกจำคุกเป็นเวลา 5 ปี และหลบหนีออกนอกประเทศ มาตั้งแต่ปี 2560
จากโครงการดังกล่าวนอกจากส่งผลเสียหายตามมามากมาย โดยเฉพาะการสูญเสียทางด้านงบประมาณ จนต้องงบชดเชยมาทุกปี จนบัดนี้ก็ยังชดใช้ไม่หมด และยังข้าวที่ยังคาอยู่ในโกดังอีกไม่น้อย ซึ่งด้วยเวลาที่ผ่านมานานนับสิบปีย่อมต้องเสื่อมสภาพ ข้าวเน่า เป็นต้น
การที่นายภูมิธรรม เวชยชัย นำทีมลงไปพิสูจน์คุณภาพของข้าวในโกดังแห่งหนึ่ง ที่จังหวัดสุรินทร์ โดยมีการ “หุงข้าวโชว์” พร้อมกินโชว์ เพื่อแสดงให้เห็นว่า ยังมีคุณภาพดี ยังกินได้ แต่ภาพที่เห็นก็คือสภาพข้าวมีสีเหลือง เต็มไปด้วยมอด อยู่ในกระสอบที่เปื่อยยุ่ย เต็มไปด้วยฝุ่น และหากมองด้วยสายตาแล้วไม่น่าจะนำมากินได้ เพราะมีความเสี่ยงกับสุขภาพ ในเรื่องของเชื้อรา และสารเคมีที่ต้องมีการรมยาฆ่าแมลงต่อเนื่องกันหลายปี
นายภูมิธรรม เวชยชัย กล่าวถึงกระแสวิจารณ์เรื่องซาวข้าว 15 น้ำ หลังเดินทางไปทดลองรับประทานข้าวในโครงการรับจำนำข้าวที่ จ.สุรินทร์ เมื่อวันที่ 6 พ.ค. ว่า อย่าไปสนใจรายละเอียดแบบนี้เลย เพราะข้าวแต่ละถุงมีความแตกต่างกัน มีฝุ่นมากฝุ่นน้อย จะซาวจะกี่ครั้งก็ซาวเถอะ ซาวให้สะอาด ซึ่งวันนั้นเราซาวกันแค่ 5 ครั้ง ส่วนใครจะซาว 10 หรือ 15 ครั้ง ก็ขึ้นอยู่กับความในใจของตัวเอง นี่ไม่ใช่ประเด็น อย่าเบี่ยงประเด็นไปอย่างอื่น สิ่งที่ตนทำวันนี้ เพราะเป็นผู้ดูแลหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับข้าว ซึ่งมีเจ้าของโกดังทำเรื่องมาขอร้องว่า จะเอาอย่างไรก็เอาสักที ข้าวอยู่ตรงนี้มา 10 ปีแล้ว และโกดังถูกปิดตายด้วยกุญแจ จะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ไปตลอดชีวิตหรือ หรือจะมาตรวจและจัดการ จะเป็นข้าวเน่า ข้าวดี ก็ไปจัดการให้มันจบ ปิดเรื่องนี้ไปเลย ตนจึงไปตรวจดูและชิมข้าวแล้ว และมาบอกได้ว่า ข้าวไม่เน่า
ส่วนที่มีคนออกมาบอกว่าข้าวเก็บไว้แค่ 1-2 ปีก็เน่าแล้วนั้น ยืนยันว่าข้าวเน่าหรือไม่เน่า จริงๆ อยู่ที่การเก็บรักษา ซึ่งเราทดลองให้สื่อมวลชนเข้าไปดูด้วย อยากจะเจาะตรงไหนก็เจาะ และข้างบนเราสามารถเจาะจากตรงกลางที่ส่วนใหญ่ชอบซ่อนข้าวที่ไม่ดีไว้ เราเจาะลงไป 15 ชั้น นำโดรนขึ้นไปบินและถ่ายออกมาให้ดู ทุกอย่างทำโปร่งใส ดังนั้น จึงไม่อยากให้นำจินตนาการมาชี้นำความจริง วันนี้เราเอาความจริงมาพูดและแก้ปัญหา
“ความจริงผมไม่ต้องทำอะไร ผมปล่อยไปเรื่อยๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับผม แต่เมื่อมีคนร้องมาเราก็เข้าไปดู วันนี้เราพิสูจน์ทางกายภาพ พิสูจน์เบื้องต้น พบว่าเม็ดข้าวไม่มีแตก สีเหลืองไหม ยอมรับว่าเหลือง เป็นเรื่องธรรมดาของข้าวหลายปี แต่กระบวนการข้าวสามารถสีให้ขาวได้ ส่วนเรื่องยาอบข้าว จริงๆการรมข้าว เขาก็ให้ 14 วัน ก็สามารถที่จะเข้าไปได้ กลิ่นต่างๆ ก็ออกไป ว่าตามธรรมชาติ ตามเทคนิค เอาหมอมาคุย อย่าไปนั่งพูดแล้ววิจารณ์ทำให้ของอยู่กับที่อย่างนี้ ปัญหาไม่ได้แก้ ไม่มีประโยชน์ ทำได้ทั้งนั้น สารที่น่ากลัว เช่น เรื่องรา ผมได้ดูแล้ว คิดว่าไม่น่ามีปัญหา คนจะมาซื้อก็ต้องตรวจอีกที วันนี้นำไปขายได้ ไม่ต้องกลัว ตนไม่ได้นำเรื่องนี้ไปทำลายชื่อเสียงประเทศ อย่าดรามามากนะครับ” นายภูมิธรรม กล่าว
นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า คนที่วิจารณ์ต้องมาช่วยกันคิดว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไร วันนี้ความจริงไม่ได้เกี่ยวข้องกับว่ากินได้หรือกินไม่ได้ แต่ปัญหาที่เคยพูดกันว่า ข้าว 1 ปีก็เน่า ตนมาพิสูจน์ให้เห็นว่าข้าว 10 ปี ด้านกายภาพไม่มีอะไรที่เปลี่ยนแปลง ไม่ได้แฉะ ไม่ได้ติดหนืด ไม่เหมือนกับข้าว 5 ปีที่เอามาโชว์ ย้ำว่าข้าวจะดีหรือไม่ดีอยู่ที่การเก็บรักษา ทั้งนี้ ในการทำจำนำข้าว เขามีกระบวนการเก็บรักษาเป็นมาตรฐาน อย่างไรก็ตาม วันที่ไปดูตนนำเซอร์เวย์เยอร์ ซึ่งเป็นผู้ตรวจข้าวในมาตรฐาน ขึ้นทะเบียนการค้าเรียบร้อย ไปตรวจข้าวจำนวนมากแล้ว ไปขายในต่างประเทศ เป็นที่ยอมรับ ฉะนั้น ทุกกระบวนการที่จะมีปัญหาตนได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว หากบอกว่ามีอะไร เดี๋ยวตนจะพิสูจน์ให้ อย่าพูดไปเรื่อยๆ แล้วมันไม่มีทางออก
“เอาสติมาคุยกัน เอาความจริงมาคุยกัน ผมเปิดเผยหมด มีผู้เกี่ยวข้องไปดูหมด แล้วคนที่ดูอยู่เฉยๆ จะมีปัญหาอะไร แก้ปัญหาให้มันจบ ปิดตำนานไปซะ ไปเคลียร์ซะ ได้ประโยชน์นำเงินขึ้นมา 200-400 ล้าน นำเงินมาชดใช้เจ้าของโกดังที่เขาเก็บไว้ ซึ่งผมคิดว่าเป็นผลดีกับประเทศชาติ เถียงกันก็ต้องเถียงว่าทำไมถึงเก็บตั้ง 10 ปี ทำไมเปิดออกมาแล้วยังเหมือนข้าวปกติ ทำไมวันนั้นเอาไปขาย 5 บาท เป็นข้าวหัก ข้าวเน่า วันนี้เปิดออกมา 10 ปี เขายังบอกว่า 15-18 บาทขายได้ อย่ามาดรามาเลย เพราะผมไม่ชอบดรามากับใคร เอาความจริงมาพูด เอาปัญหามาแบ เอาสติปัญญามาแก้ปัญหา”นายภูมิธรรม กล่าว
แน่นอนว่าเมื่อจับใจความจากคำพูด ของ นายภูมิธรรม เวชยชัย สรุปประเด็นเพื่อยืนยันว่า ข้าว “ยังมีคุณภาพดี” ยังนำไปขายได้ราคา ไม่ต่ำกว่า 200-400 ล้านบาท และยังเป็นพยายามพิสูจน์ให้เห็นว่า ที่ผ่านมามีการขายข้าวจากโครงการรับจำนำข้าวไปขายในราคาถูกเกินจริง ทั้งที่ข้าวไม่เน่า
หากมองในทางการเมืองแล้ว หลายคนมองออกว่านี่คือความพยายาม “ฟอกขาว” โครงการรับจำนำข้าว และพยายามโยงไปถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ถือว่าเป็น “นายหญิง” ของพวกเขา ซึ่งในทางกฎหมายก็ยังมีการมองว่า จะมีการนำเงินจากการขายข้าว จะด้วยวิธีไหนก็ตาม เพื่อนำมาหักลบกลบหนี้ในภายหลัง และที่สำคัญก็คือ เมื่อพิสูจน์แล้วว่าข้าวไม่เน่า ยังมีคุณภาพดี ก็อาจเป็นช่องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นำมาให้พิจารณาคดีใหม่อีกครั้ง
ส่วนอีกมุมหนึ่งวิธีการที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย กำลังดำเนินการอยู่นี้ จะได้ประโยชน์มากน้อยแค่ไหน เพราะเมื่อพิจารณาจากความเป็นจริงแล้ว แม้ว่าจะยืนยันว่า “ข้าวไม่เน่า” และขายได้ แต่เมื่อเป็นข้าวเก่าเก็บนานนับสิบปี ย่อมต้องเสื่อมคุณภาพ และภาพที่ปรากฏออกมาก็ชัดว่ามันไม่ควรบริโภค ขณะเดียวกันแม้จะพยายาม “ฟอกขาว” ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่กลายเป็นว่า เหมือนกับการไปสะกิดเรื่องราวทุจริตจากโครงการจำนำข้าวกลับมาเป็นกระแสต้องพูดถึง ขุดคุ้ยกันอีก ถือว่าได้ไม่คุ้มเสียแน่นอน !!