วันนี้(9 พ.ค.)นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานพิธีเปิดงาน “10 พฤษภาคม วันความปลอดภัยในการทำงานแห่งชาติ” ภายในงานมีพิธีถวายพระพรชัยมงคลและถวายสัตย์ปฏิญาณ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ โดยมีคณะผู้บริหาร ข้าราชการ เจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงาน นายจ้าง ลูกจ้าง เจ้าหน้าที่ภาครัฐ นักเรียน นักศึกษา ประชาชนทั่วไป เครือข่ายความปลอดภัยและผู้ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมกว่า 300 คน พร้อมทั้งเยี่ยมชมการสาธิต การทำงานบนที่สูง ณ อาคารกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (ส่วนแยกตลิ่งชัน) กรุงเทพมหานคร
.
นายพิพัฒน์ เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ วันที่ 10 พฤษภาคม ของทุกปี เป็นวันความปลอดภัยในการทำงานแห่งชาติ เพื่อเป็นการกระตุ้นเตือนให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัย ในการทำงานอย่างจริงจัง รู้เท่าทันถึงอันตราย และทราบถึงแนวปฏิบัติตามมาตรการ ความปลอดภัยในการทำงาน เพื่อนำไปสู่่การดำเนินงานด้านความปลอดภัย และสุขภาพอนามัย ให้เกิดกับคนทำงานในทุกอาชีพ กระทรวงแรงงาน โดยกรมสวัสดิการ และคุ้มครองแรงงาน จึงได้จัดกิจกรรม “วันความปลอดภัยในการทำงานแห่งชาติ” ขึ้นเป็นประจำทุกปี ซึ่งในปี 2567 นี้ถือว่าเป็นปีมหามงคล กระทรวงแรงงานจึงร่วมกับเครือข่าย Safety จัดกิจกรรมเหล่า Safety รวมพลังจิตอาสา ร่วมใจขับเคลื่อนความปลอดภัย เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ประกอบด้วย ข้าราชการในสังกัดกระทรวงแรงงาน เครือข่ายความปลอดภัยในการทำงาน และเครือข่ายประชาชนจิตอาสา เข้าร่วมกว่า 300 คน แสดงความจงรักภักดีร่วมถวายพระพรชัยมงคล และถวายสัตย์ปฏิญาณ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ อันจะแสดงออกถึงความจงรักภักดีและแสดงออกถึงพลังอันยิ่งใหญ่ในการปลุกพลังทำความดี เพื่อเทิดไท้องค์ราชัน นอกจากนี้ เครือข่าย Safety จิตอาสา เหล่านี้ จะเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนความปลอดภัยในการทำงานให้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืน และร่วมกันสร้างวัฒนธรรมเชิงป้องกันด้านความปลอดภัยในการทำงาน (Safety culture)
.
นางโสภา เกียรตินิรชา อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กล่าวต่อไปว่า กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ได้กำหนดและดำเนินการขับเคลื่อนนโยบายด้าน “ความปลอดภัยและอาชีวอนามัยของประเทศไทย หรือ Safety Thailand” ด้วยการเร่งรัดการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างความตระหนักรู้ ปลุกจิตสำนึกที่ดีเชิงป้องกันด้านความปลอดภัย และการพัฒนาภาคีเครือข่ายด้านความปลอดภัย ตลอดจนเรียนรู้จากบทเรียนความสูญเสียทั้งชีวิต ก่อเกิดความพิการ การหยุดการทำงาน สูญเสียทรัพย์สินทั้งทางตรงและทางอ้อม การจัดงานในวันนี้ นอกจากเป็นการกระตุ้นให้ทุกภาคส่วนเห็นถึงความสำคัญของความปลอดภัยในการทำงานแล้ว ยังถือว่าเป็นการสร้างเครือข่ายนายจ้าง ลูกจ้าง ได้นำหลักด้านความปลอดภัยในการทำงานไปใช้สถานประกอบกิจการ ทั้งนี้ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ยังคงมุ่งมั่นสร้างเครือข่ายด้านความปลอดภัยในการทำงานให้เป็นวงกว้างและเข็มแข็งมากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างเสริมให้เกิดการความปลอดภัยในการทำงาน การมีจิตสาธารณะในการสร้างสรรค์สังคม ให้เป็นสังคมที่น่าอยู่ ให้ลูกจ้างสามารถทำงานได้อย่างปลอดภัย ลดการประสบอันตรายที่เกิดขึ้นจากการทำงาน เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน