'เรืองไกร' ส่งหนังสือถึงนายกฯ เสนอให้เชิญ สตง.ตรวจสต็อกข้าว อคส. 10 ปียังดีอยู่ตามที่ 'ภูมิธรรม-หมอชัย' อวดอ้างหรือไม่ ชี้ตามหลักทางบัญชีมูลค่าลดลงทุกปี การออกมาโชว์ว่าข้าวยังกินได้ไม่ใช่หลักฐานทางบัญชีที่น่าเชื่อถือ
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายชัย วัชรงค์ โฆษกรัฐบาล ออกมากล่าวอ้างว่า สต็อกข้าวขององค์การคลังสินค้า (อคส.) ที่เก็บมานานกว่า 10 ปี ยังดีอยู่ และมีการกินโชว์สื่อมวลชน รวมทั้งให้พิธีกรบางรายการนำไปกินโชว์อีกนั้น เรื่องนี้คนที่รู้บัญชีคงไม่เชื่อถือ เพราะข้าวสารเป็นสินค้าทางการเกษตรที่มีการเสื่อมสภาพ และงบการเงิน อคส.ก็มีการหักค่าเผื่อจากการลดมูลค่าของสินค้าคงเหลือไว้ทุกปี
นายเรืองไกร กล่าวว่า เมื่อไปดูในหมายเหตุประกอบงบการเงิน ในส่วนสินค้าคงเหลือ ซึ่งแสดงอยู่ในหมายเหตุประกอบงบการเงิน ข้อ 8 จะพบข้อมูลสินค้าคงเหลือ ณ วันที่ 30 กันยายน 2565 ในส่วนโครงการรัฐบาลที่มีนัยสำคัญ 2 รายการ คือ สินค้าที่ตรวจนับได้ (ปกติ/ข้าวเปียกน้ำ) จำนวน 1,644.25 ล้านบาท ซึ่งมีการ หักค่าเผื่อจากการลดมูลค่าของสินค้าคงเหลือไว้เป็นจำนวน 902.41 ล้านบาท และสินค้าที่ตรวจนับไม่ได้ จำนวน 3,836.68 ล้านบาท มีการหักค่าเผื่อจากการลดมูลค่าของสินค้าคงเหลือไว้เป็นจำนวน 2,653.65 ล้านบาท
นายเรืองไกร กล่าวว่า กรณีสต็อกข้าวตามที่นายภูมิธรรมและนายชัยนำมากล่าวอ้าง ประกอบไปด้วยสต๊อกสินค้าเกษตรภายใต้การดูแลของรัฐบาล ปัจจุบันยังคงเหลือเพียง ข้าวในโครงการรับจำนำปี 2556/2557 จ.สุรินทร์ ดังนี้ 1. คลังกิตติชัย หลัง 2 (ข้าวหอมมะลิ 100%) รับมอบข้าวสารตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม 2557 ถึง 10 มีนาคม 2557 เก็บข้าวแล้ว 10 ปี 2 เดือน รวมปริมาณทั้งสิ้น 26,094 ตัน หรือ 258,106 กระสอบจาก 24 โรงสี และได้มีการระบายข้าวสารแล้ว 3 ครั้ง คงเหลือ 11,656 ตัน หรือ 112,711 กระสอบ 2. คลัง บจก.พูนผลเทรดดิ้ง หลัง 4 (ข้าวหอมมะลิ 100%) รับมอบข้าวสารตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม 2557 ถึง 29 เมษายน 2557 เก็บข้าวแล้ว 10 ปี 7 วัน มีปริมาณรวมทั้งสิ้น 9,567 ตัน หรือ 94,637 กระสอบ จาก 6 โรงสี ซึ่งระบายข้าวสารแล้ว 4 ครั้ง คงเหลือ 3,356 ตัน หรือ 32,879 กระสอบ”
นายเรืองไกร กล่าวว่า การออกมาโชว์ว่า ข้าวในสต็อกดังกล่าวยังดีอยู่และกินได้นั้น จึงไม่ใช่หลักฐานทางบัญชีที่น่าเชื่อถือได้ว่าข้าวในสต็อกดังกล่าวรวมทั้งสองคลังจำนวน 145,590 กระสอบ จะดีอยู่จริงหรือไม่ กรณีจึงควรเชิญให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เข้าไปตรวจสอบข้าวทุกกระสอบก่อนที่จะมีการนำไปประมูลขายด้วย ทั้งนี้เพื่อให้แน่ใจว่า ข้อมูลที่แถลงข่าวกล่าวอ้างออกมานั้นถูกต้องกับสต็อกข้าวสารที่มีอยู่จริงและตรงตามเอกสารทางบัญชีของ อคส. โดยมี สตง.เข้าไปตรวจสอบรับรองได้
“วันนี้จึงส่งหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีทางไปรษณีย์ EMS เพื่อขอให้นายกฯ เชิญ สตง. เข้าไปตรวจสอบเอกสารทางบัญชีและร่วมตรวจนับสต็อกข้าวทุกกระสอบก่อนเพื่อให้แน่ใจได้ว่า ข้าวในสต็อกคงเหลือ ณ ปัจจุบัน ของ อคส. ก่อนที่รัฐบาลจะนำไปเปิดประมูลขายนั้น เป็นข้าวสารในสต็อกที่ถูกต้องตรงกันกับบัญชีสินค้าคงเหลือของ อคส. หรือไม่ ข้าวสารในสต๊อกดังกล่าว มาจากข้าวเปลือกตามใบประทวนของเกษตรกร รายใด มีการนำไปสีแปรสภาพเมื่อใด มีการจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐไปกี่ครั้ง ในราคาเท่าใด ใครเป็นผู้ประมูลไป เงินที่ประมูลได้มีการนำส่งให้ ธ.ก.ส. ครบถ้วน หรือไม่ ในแต่ละรอบปีบัญชีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน ของ อคส. มีการตรวจนับสต็อกข้าวทั้งสองคลังได้ หรือไม่ มีการหักค่าเผื่อจากการลดมูลค่าของสินค้าคงเหลือไว้ในแต่ละปีเป็นจำนวน เท่าใด และมีการรักษาคุณภาพข้าวโดยวิธีรมยาหรือวิธีอื่นใดมาทั้งหมดกี่ครั้ง แต่ละครั้ง มีค่าใช้จ่าย เท่าใด ปัจจุบัน สต๊อกข้าวในคลังทั้งสอง ยังดีอยู่และกินได้จริงตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และโฆษกรัฐบาลแถลงข่าวหรือไม่”
นายเรืองไกร กล่าวทิ้งท้ายว่า ถ้าข้าวที่เก็บมา 10 ปี ยังดีอยู่จริง อาจหมายความว่า ข้อมูลข้าวสารที่เป็นสินค้าคงเหลือในงบการเงิน อคส. ที่ผ่านมาร่วม 10 ปี อาจจะเชื่อถือไม่ได้ ใช่หรือไม่