xs
xsm
sm
md
lg

โน้ส อุดม ลืมตัวเองว่าเป็นใคร!? เหวที่ต่างกับฟ้า "ลิซ่า" ที่คนทั่วโลกชื่นชม ** มุกนี้คุ้นๆ นายใหญ่กินไก่โชว์ แต่ชาวบ้านคงไม่อยากเห็น “อ้วน” กินข้าว อยากเห็นไล่บี้เอาเงินคืนจากคนทุจริตมากกว่า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

** โน้ส-อุดม ลืมตัวเองว่าเป็นใคร!? เหวที่ต่างกับฟ้า "ลิซ่า" ที่คนทั่วโลกชื่นชม

ยังต้องพูดถึง ประเด็นดรามา"ตลก" ที่ไม่ตลกของ "โน้ส" อุดม แต้พานิช จากเดี่ยวครั้งล่าสุด นอกจาก "ทัวร์ลงฉ่ำ" โดยเฉพาะที่แซะเศรษฐกิจพอเพียง และความเป็นเด็ก ความเป็นผู้ใหญ่

ใครได้ยินได้ฟังต่างลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า ครั้งนี้ "โน้ส-อุดม" เกินเลยไปมาก

จากนักพูดที่เคยมีคนชื่นชม มี FC ติดตามดูผลงาน มาวันนี้ “โน้ส”สะท้อนตัวตนทำตัวเอง"ต่ำตม" ชนิดที่หาจะคำกล่าวอ้างก็ฟังไม่ขึ้นแล้ว

เพจ"ปราชญ์ สามสี" (ป.สามสี) ที่มีผู้ติดตาม 2.2 แสนคน โพสต์ไว้น่าสนใจยิ่ง ว่า “โน้ส-อุดม” มีเจตนาที่จะทำ "ตลกร้าย" เพื่อชื่อเสียงตัวเอง ต้องการจะให้คอนเทนต์เป็นไวรัล

“โน้ส-อุดม” ไม่สนว่ามุกตลกของเขาจะไปทำร้ายจิตใจใคร เหยียดหยามใครดูถูกใครเพราะสิ่งที่เขาต้องการก็เพียงแค่การถูกพูดถึง

ยกตัวอย่างเช่นเรื่องของการโจมตีเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงที่ “โน้ส-อุดม” บอกว่า ไม่ขอเป็นคนพอเพียงแล้ว เพราะไม่เวิร์กสำหรับเขา และบอกในทำนอง "มีแต่ผู้คนดัดจริตทำ..."

ทั้งที่ตัว “โน้ส-อุดม” ตั้งชื่อบริษัทว่า “พอดีพานิช จำกัด” เพื่อเป็นผู้ผลิตผลงานเดี่ยวไมโครโฟน ทำมาหากิน

สำหรับ"ปราชญ์สามสี" แล้วมองว่า เป็นโคตรตลกร้าย! โดยที่ “โน้สอุดม” ไม่เคยรู้เลยหรือว่า ตลกร้ายของเขานั้นกำลังให้ร้ายกับเรื่องที่พระมหากษัตริย์พระองค์หนึ่ง ยอมสละทั้งชีวิตนับสิบๆ ปี เพื่อสร้างปรัชญาชีวิตให้ผู้คนสามารถอยู่รอดท่ามกลางภัยพิบัติทางเศรษฐกิจ สามารถทำให้ผู้คนอยู่ได้อย่างมั่นคง

แต่กลับถูกตลกร้ายของ “โน้ส อุดม” ทำลายคุณค่า ดูหมิ่นเหยียดหยามเพียงเพราะ "ไม่เวิร์ก"กับ โน้สอุดม !

เรียกว่า ล้ำเส้นเกินความพอดีที่จะรับได้!

“ปราชญ์สามสี” ยังวิจารณ์ “โน้ส อุดม” ว่า กำลังเสพติดตลกร้ายของตัวเอง ที่เที่ยววิจารณ์ผู้อื่นจนลืมวิจารณ์ตัวเองที่เที่ยวกระแนะกระแหนผู้อื่น จนลืมดูรากเหง้าของตัวเอง

เรียกว่าดังแล้วลืมความเป็นคน... ลืมว่าตัวเองเคยเป็นใคร!?

ขณะที่ประเด็นเรื่องของความเป็นเด็กความเป็นผู้ใหญ่ ต้องไม่ลืมว่าจุดที่ “โน้ส อุดม”ได้รับความเมตตาจากผู้ชมมากๆ คือความกตัญญูต่อมารดา แต่ปัจจุบัน “โน้ส อุดม” ทำตัวเอาแม่มาหากินซึ่งเพจดังมองว่าเกินเลยไปมากเช่นกัน

โดยเฉพาะที่ “โน้ส อุดม” เที่ยวไปบอกว่า ให้คนแก่อยู่เฉยๆพอ ให้เด็กมันกราบไหว้ได้สนิทใจเถอะ

นี่ไม่ใช่คำพูดของคนที่รู้จักความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณในบ้าน แต่เป็นคำพูดของคนกร่าง ที่เชื่อว่าตัวเองจะชนะโลกใบนี้ด้วยสองมือสองแขนของตนเอง นั่นไม่ใช่วิถีชีวิตที่ถูกต้อง

พูดถึง “โน้ส อุดม” ปราชญ์สามสี ยังพูดถึง "ลิซ่า" BLACKPINK หรือ ลลิษา มโนบาล

“น้องลิซ่า” ล่าสุดเพิ่งจะเรียกเสียงฮือฮา และชื่นชมที่งานแข่งขันรถ F1 ที่ ไมอามี่ สหรัฐฯ รับหน้าที่เป็นผู้โบกธงตารางหมากรุก
ปราชญ์สามสี บอกว่า "ลิซ่า" ไม่ใช่คนในแบบที่ “โน้ส อุดม” เป็น

“ลิซ่า”ที่โด่งดังไปทั่วโลกเวลานี้ เธอรู้จักครอบครัว ดูแลครอบครัว รู้จักประเทศของเธอ และรู้ว่าที่ใดเป็นที่ของเธอก็ดูแลที่ๆ ของเธอ

“ลิซ่า” รู้อะไรควรทำไม่ควรทำและเธอก็ทำในสิ่งที่ควรทำ

สรุปว่าระหว่าง “โน้ส อุดม” พฤติกรรมตลกร้าย "ต่ำตม" แตกต่างกับ “ลิซ่า” ราวเหวกับฟ้า.


** มุกนี้คุ้นๆ นายใหญ่กินไก่โชว์ แต่ชาวบ้านคงไม่อยากเห็น “อ้วน” กินข้าว อยากเห็นไล่บี้เอาเงินคืนจากคนทุจริตมากกว่า

เหลือล็อตสุดท้ายแล้ว สำหรับข้าวที่รัฐบาลรับซื้อมาจากชาวนาตามโครงการรับจำนำข้าว ในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อ 10 ปีก่อน

เป็นข้าวที่เก็บไว้ที่โกดัง 2 แห่งในจังหวัดสุรินทร์ ได้แก่ คลังกิตติชัย หลัง 2 อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เป็นข้าวหอมมะลิ 100% รับมอบข้าวสารตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค.2557 ถึง 10 มี.ค.2557 เก็บข้าวมาแล้ว 10 ปี 2 เดือน เหลืออยู่ 11,656 ตัน หรือ 112,711 กระสอบ

และที่ บจก.พูนผลเทรดดิ้ง หลัง 4 ต.เฉลียง อ.เมืองสุรินทร์ จ.สุรินทร์ เป็นข้าวหอมมะลิ 100% รับมอบข้าวสารตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค.2557 ถึง 29 เม.ย.2557 เก็บข้าวแล้ว 10 ปี 7 วัน เหลืออยู่ 3,356 ตัน หรือ 32,879 กระสอบ

รวมทั้ง 2 โกดัง ก็มีข้าวรวมกัน 145,590 กระสอบ คิดเป็นน้ำหนัก 15,012 ตัน

เมื่อวานที่ผ่านมา (6 พ.ค.) “รองอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ ได้เดินทางไปที่โกดังข้าวทั้ง 2 แห่ง เพื่อพิสูจน์คุณภาพข้าวที่เก็บไว้นานกว่า 10 ปี ก่อนนำออกมาประมูลขายภายในเดือนพฤษภาคม นี้ เพื่อเอาเงินจ่ายคืนเจ้าของโกดังเป็นค่าจัดเก็บข้าว

งานนี้ต้องบอกว่า เป็นอีเวนต์ขนาดย่อมๆ เลยทีเดียว เพราะมีผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน บริษัทเซอร์เวย์ ผู้ตรวจสอบคุณภาพข้าว สมาคมโรงสี ผู้ส่งออกข้าว ตลอดจนคณะผู้สื่อข่าว ร่วมเป็นสักขีพยาน เปิดโกดังและเก็บตัวอย่างข้าว มาดูลักษณะทางกายภาพ ก่อนนำมาหุงเพื่อทดลองรับประทาน โดยมีกระเพราไก่และไข่เจียว ที่ “รองอ้วน” ลงมือทำเอง เป็นกับแก้ฝืดคอ พร้อมนำชิมด้วยตัวเอง โดยมีบรรดาสื่อมวลชนที่ร่วมลงพื้นที่ร่วมกันชิมด้วย

“รองอ้วน” บอกว่า เคยมาที่โกดังนี้ครั้งที่แล้ว ได้ลองชิมข้าวกับท่านผู้กำกับ แต่มีเสียงทักท้วงว่าข้าว 10 ปี จะกินได้อย่างไร เหมือนเล่นละคร ข้าว 5 ปีก็เน่าแล้ว มาครั้งนี้อยากทำให้เกิดข้อสรุปที่ชัดเจน สิ้นข้อสงสัย จึงเชิญสื่อมวลชนทุกแขนง และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายมาเป็นสักขีพยาน

พร้อมบอกว่า ข้าวในโกดังทั้ง 2 แห่งนี้ ถูกเก็บรักษาอย่างดี เจ้าของโรงสี เจ้าของโกดังรมยาตามมาตรฐาน ปิดโกดังแน่นหนา ไม่มีนกเข้า ไม่มีฝนตกที่ทำให้ข้าวเสีย ที่มีปัญหาข้าวบูดเน่า คือ การเก็บรักษาที่ไม่ดี แต่โรงสีทั้งสองถือว่ามีการเก็บรักษาที่ดี หลังจากขั้นตอนการตรวจสอบแล้ว เร็วที่สุด ภายในหนึ่งสัปดาห์ น่าจะสามารถเปิดประมูลได้

คนในวงการต่างก็คาดหมายกันว่า ข้าวล็อตสุดท้ายจากโกดังทั้ง 2 แห่ง รวมแล้วราว 1.5 หมื่นตันนี้ คงจะขายไม่ได้ราคาสักเท่าไหร่ เพราะแม้จะเอามาหุงกินได้ แต่จากประจักษ์พยานของผู้สื่อข่าวที่ได้ร่วมชิมพบว่า ข้าวลดความหอมลงไปพอสมควร เพราะเก็บไว้นาน สีก็ออกขุ่นๆ ไม่ขาวบริสุทธิ์เหมือนข้าวใหม่

ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าหน้าที่ที่มาหุงข้าวโชว์ บอกว่า ก่อนหุงต้องผ่านการล้าง 15 น้ำ “ย้ำว่า 15 น้ำ” แล้วจะมีใครเสี่ยงซื้อไปหุงกินที่บ้านบ้าง

เป็นที่รู้ๆ กันอยู่ว่าโครงการจำนำข้าวสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์นั้น สร้างความเสียหายมโหฬารเป็นประวัติการณ์ ราวๆ 7 แสนล้านบาท เพราะเล่นรับจำนำทุกเมล็ด เป็นข้าวขาวตันละ 15,000 บาท ข้าวหอมมะลิตันละ 20,000 บาท สูงกว่าราคาท้องตลาดถึง 50% รู้ว่าขาดทุนตั้งแต่ยังไม่เริ่มโครงการแล้ว

แถมขั้นตอนในโครงการก็หละหลวม มีช่องโหว่ จนเกิดการทุจริตแทบจะทุกขั้นตอนยุบยับไปหมด

และที่เลวร้ายสุดๆ ก็ตอนระบายข้าวออกไปนี่แหละ ที่มีการแอบอ้าง “จีทูจี” แต่ที่แท้เป็น “จีทูเจี๊ยะ” ส่งผลให้รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบอย่าง “บุญทรง เตริยาภิรมย์” “ภูมิ สาระผล” รวมทั้งพ่อค้าคนสนิทของตระกูลชินฯ อย่าง “เสี่ยเปี๋ยง” อภิชาติ จันทร์สกุลพร ต้องเข้าไปอยู่ในคุก

และตัวนายกฯ อย่าง “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ต้องลอดช่องทางธรรมชาติ หนีคำพิพากษาจำคุก 5 ปี ออกไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศจนทุกวันนี้

อีกด้านหนึ่ง เมื่อเห็นภาพ “รออ้วน” กินข้าวโชว์ที่สุรินทร์แล้วก็ชวนให้นึกถึงครั้งที่ “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร กินไก่โชว์ ที่ท้องสนามหลวง เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2547 เพื่อการันตีว่าไก่ ไทยยังกินได้โดยปลอดภัย หลังเกิดการระบาดของไข้ชนิดนี้ ไปทั่วเอเชียตั้งแต่ปลายปี 2546

“รองอ้วน” กินข้าวโชว์คราวนี้ ก็คงเป็นกลยุทธ์เดียวกันคือ ต้องการประกาศให้รู้ว่า ข้าวในโครงการจำนำข้าว ถึงเก็บไว้ 10 ปี ก็ไม่มีปัญหา ยังเอามาหุงกินได้ และบรรดาไอโอ หน่วยปฏิบัติการข่าวสารของพรรคเพื่อไทย ก็เอาไปขยายความต่อว่า เห็นมั้ย โครงการจำนำข้าวไม่มีปัญหา

แต่ผู้ที่ที่ไปร่วมสังเกตการณ์บอกว่าตอนกินโชว์นั้น “รองอ้วน” หนักไปทาง “กินกับ” มากกว่า “กินข้าว”

ส่วนชาวบ้านทั่วไปที่ไม่ใช่กองเชียร์เพื่อไทย คงไม่อยากเห็นแค่รัฐมนตรีกินข้าวโชว์สักเท่าไหร่ แต่อยากเห็นการไล่บี้เอาเงินที่ทุจริตไปเป็นแสนๆ ล้าน กลับมาคืนหลวงมากกว่า


กำลังโหลดความคิดเห็น