xs
xsm
sm
md
lg

“รสนา” เร่ง “พีระพันธุ์” ใช้อำนาจรัฐมนตรีคุมค่าการกลั่น-ค่าการตลาด ลดราคาเบนซินได้ถึง 5 บาท/ลิตร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“รสนา” แนะ “พีระพันธุ์” เร่งใช้อำนาจรัฐมนตรีพลังงานกำหนดค่าการกลั่นที่เหมาะสมตามมาตรฐานสากลที่ 7-8 ดออลารต่อบาร์เรล และควบคุมค่าการตลาดให้ได้ที่ 2 บาท/ลิตร จะทำให้ลดราคาน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์95 ได้เกือบ 5 บาท/ลิตร

เมื่อวันที่ 4 พ.ค. น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีต ส.ว.กรุงเทพมหานคร โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก รสนา โตสิตระกูล เรียกร้องให้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานใช้อำนาจรัฐมนตรีควบคุมค่าการกลันและค่าการตลาดของบริษัทผู้ผลิตน้ำมัน เพื่อให้ราคาขายปลีกน้ำมันอยู่ในระดับที่เป็นธรรมต่อประชาชน มีรายละเอียดดังนี้

รัฐมนตรีพลังงาน กล้าๆ ใช้อำนาจหน่อย

รัฐมนตรีพลังงานใช้เวลา 8 เดือนตั้งแต่ดำรงตำแหน่งออกกฎหมายให้โรงกลั่นต้องเปิดเผยต้นทุนราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่น แต่ตามกฎหมายเปิดให้กรมธุรกิจพลังงานรับรู้เท่านั้นและไม่เปิดเผยข้อมูลให้ใคร แล้วใครจะตรวจสอบได้!?

อุตสาหกรรมกลั่นน้ำมัน ไทยใช้ราคาน้ำมันดิบอ้างอิงดูไบเป็นหลัก ราคาน้ำมันดิบดูไบเมื่อวันที่ 3 พ.ค.2567 อยู่ที่ 84.09 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ปัจจุบันค่าเงินบาทอ่อนค่าเป็น 37.10 บาท/เหรียญสหรัฐ เมื่อแปลงเป็นบาทต่อลิตร จะได้น้ำมันดิบราคา 19.62 บาท/ลิตร เมื่อจะแปลงเป็นน้ำมันสำเร็จรูป ก็ใช้ราคามาตรฐานสากลที่กำหนดค่าการกลั่นที่ 7 เหรียญ/บาร์เรล คิดเป็นเงินไทยประมาณ 1.60-2 บาท/ลิตร

แทนที่รัฐมนตรีจะไปเสียเวลาหาราคาต้นทุนหน้าโรงกลั่น ก็ควรใช้ราคาน้ำมันดิบดูไบ บวกค่าการกลั่น 7-8 เหรียญ/บาร์เรล ก็จะได้ราคาน้ำมันสำเร็จรูปหน้าโรงกลั่นที่เหมาะสม โดยไม่ต้องเสียเวลาให้โรงกลั่นมารายงานต้นทุนที่แท้จริงที่จะมีใครตรวจสอบความถูกต้องได้ ใช่หรือไม่

ดิฉันลองเปรียบเทียบราคาน้ำมันดิบ และราคาน้ำมันสำเร็จรูปเบนซิน 95 และ แก๊สโซฮอล์ 95 ระหว่างรัฐบาลยิ่งลักษณ์ (2554-2557)และรัฐบาลเศรษฐา (2567) โดยพิจารณาจากราคาน้ำมันดิบดูไบ ราคาหน้าโรงกลั่น ภาษีสรรพสามิต กองทุนน้ำมัน และค่าการตลาดของทั้ง 2 รัฐบาลพรรคเดียวกัน พบข้อมูลว่า

ราคาน้ำมันดิบดูไบสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์มีราคาสูงถึง 110-120 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เมื่อเทียบเป็นเงินไทยต่อลิตร จะประมาณ 22-24 บาทต่อลิตร อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทช่วงนั้นอยู่ที่ประมาณ 32 บาทต่อเหรียญสหรัฐ

ในขณะที่สมัยรัฐบาลเศรษฐา ราคาน้ำมันดิบดูไบมีราคา อยู่ระหว่าง 80-85 เหรียญ/บาร์เรล วันที่ 3 พ.ค.2567 น้ำมันดิบดูไบราคา 84.09 เหรียญสหรัฐ/ บาร์เรล แม้อัตราแลกเปลี่ยนอ่อนค่ากว่าสมัยยิ่งลักษณ์ โดยอัตราเป็น 37.10 บาท/เหรียญสหรัฐ แต่ราคาน้ำมันดิบเมื่อเปลี่ยนเป็นบาทต่อลิตร ก็ราคาเพียง 19.62 บาท/ลิตรเท่านั้น แต่ราคาขายหน้าปั๊มสูสีเท่ากับราคาน้ำมันสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์

ราคาที่จะเปรียบเทียบกันคือราคาเบนซิน 95 และแก๊สโซฮอล์ 95 ระหว่างรัฐบาลยิ่งลักษณ์ วันที่ 7 พ.ค.2557 กับ รัฐบาลเศรษฐา วันที่ 3 พ.ค.2567

รัฐบาลยิ่งลักษณ์
-น้ำมันเบนซิน 95 ราคาหน้าปั๊ม 48.95 บาท/ลิตร
-แก๊สโซฮอล์ 95 ราคา 41.03 บาท/ลิตร
-น้ำมันหน้าโรงกลั่นเบซิน 95 และแก๊สโซฮอล์ 95 ราคา 24.91 และ 25.39 บาท/ลิตรโดยลำดับ
-ภาษีสรรพสามิตเบนซิน 95 เก็บ 7 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 เก็บ 6.30 บาท/ลิตร
-กองทุนน้ำมันเบนซิน 95 เก็บ 10 บาท/ลิตร และแก๊สโซฮอล์ 95 เก็บ 6.30 บาท/ลิตร
-ค่าการตลาดเบนซิน 95 เก็บ 2.89 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 เก็บ 2.48 บาท/ลิตร

รัฐบาลเศรษฐา
-เบนซิน 95 ราคา 48.24 บาท/ลิตร
-แก๊สโซฮอล์ 95 ราคา 40.35 บาท/ลิตร
-ราคาหน้าโรงกลั่นเบนซิน 95 และแก๊สโซฮอล์ 95 ราคา 24.19 และ 24.07บาท/ลิตร โดยลำดับ
-ภาษีสรรพสามิตรเบนซิน 95 เก็บ 6.50 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 เก็บ 5.85 บาท/ลิตร
-กองทุนน้ำมันเบนซิน 95 เก็บ 9.38 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 เก็บ 2.80 บาท/ลิตร
-ค่าการตลาดเบนซิน 95 เก็บ 4.31บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 เก็บ 4.34 บาท/ลิตร

ค่าการกลั่นสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์อยู่ที่ 2.91 บาท/ลิตร (24.91-22=2.91)
แต่ในรัฐบาลเศรษฐา ค่าการกลั่นสูงถึง 4.57 บาท/ลิตร (24.19-19.62=4.57)

และค่าการตลาดเบนซิน 95 , แก๊สโซฮอล์ 95 ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์อยู่ที่ 2.89 บาท/ลิตร และ 2.48 บาท/ลิตร
ส่วนรัฐบาลเศรษฐาค่าการตลาดเบนซิน 95 และแก๊สโซฮอล์ 95 สูงถึง 4.31 บาท/ลิตร และ 4.34 บาท/ลิตร โดยลำดับ

ท่านพีระพันธ์ควรไปดูสถิติราคาแต่ละช่วงเวลา ราคาน้ำมันดิบดูไบ ค่าการกลั่นที่เป็นมาตรฐานสากล ค่าการตลาดที่เหมาะสม ซึ่งเป็นส่วนที่ผู้ประกอบการได้ ควรมีราคาเหมาะสมที่เท่าไหร่ จึงจะไม่เป็นการเอากำไรเกินสมควรจากประชาชน

ถ้าท่านพีระพันธ์รู้ต้นทุนที่แท้จริงแล้ว ก็ควรใช้อำนาจรัฐมนตรีในการกำหนดค่าการกลั่นที่เหมาะสมตามมาตรฐานสากลคือ 7-8 เหรียญต่อบาร์เรล แปลงเป็นเงินบาทต่อลิตร ค่าการกลั่นควรอยู่ที่ประมาณ 2 บาท/ลิตร ถ้ากำหนดได้เช่นนี้ ค่าการกลั่นจาก 4.57 บาท/ลิตร จะลดลงไป 2.57บาท/ลิตร เท่ากับลดราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นได้ 2.57 บาท/ลิตร

ท่านพีระพันธ์ควรใช้อำนาจรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานควบคุมค่าการตลาดให้ได้ที่ 2 บาท/ลิตร จะลดค่าการตลาดที่ปัจจุบันเก็บที่ 4.34 บาท/ลิตร ลงได้ 2.30 บาท/ลิตร ทำให้ราคาน้ำมันหน้าปั๊มลดลงได้ 2.30 บาท/ลิตร และถ้าลดราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นได้อีกลิตรละ 2.57 บาท เท่ากับลดราคาน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ 95 ได้เกือบ 5 บาท/ลิตรทีเดียว

จึงขอเรียกร้องท่านพีระพันธ์โปรดกล้าๆ ใช้อำนาจในฐานะรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานจัดการปรับลดค่าการกลั่น ค่าการตลาดให้เหมาะสมโดยรวดเร็ว เพื่อลดราคาน้ำมันในกลุ่มเบนซินแก๊สโซฮอล์ลงมา อย่างที่ท่านคุยนักหนาว่าจะทำการ รื้อ ลด ปลด สร้าง

ประชาชนขอบอก “เก่งไม่กลัว กลัวช้า”

รสนา โตสิตระกูล
4 พค. 2567
#ค่าการตลาดเบนซิน2บาท
#ราคาเบนซิน


กำลังโหลดความคิดเห็น