ข่าวปนคน คนปนข่าว
** จับตาป.ป.ช.ฟอกขาว "โจ๊ก สายมู" ผ่านท่าที "นิวัติไชย"
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ขนาดกระแสสังคมจับตาอย่างใกล้ชิดขนาดนี้ ขบวนการอุ้ม "โจ๊ก สายมู" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาลในป.ป.ช.ก็ยังบ่ยั่น
นั่นหมายความว่า ที่ “โจ๊ก”กล้าที่จะบอกว่า ถ้าคดีของตัวเองอยู่ที่ป.ป.ช.จะเป็นผู้บริสุทธิ์อย่างแน่นอน ย่อมต้องมีความเชื่อมั่น อะไรสักอย่าง บางอย่างที่ว่าเห็นได้จากท่าทีของ "นิวัติไชย เกษมมงคล" เลขาธิการ ป.ป.ช. ที่เคลื่อนไหวล่าสุดราวกับเป็นโฆษกของ "โจ๊ก สายมู"
“นิวัติไชย” ร่ายเป็นฉากๆ สอดรับกับ โจ๊กและพรรคพวก ที่ว่า ป.ป.ช. ต้องรับคดีฟอกเงินของโจ๊กมาพิจารณาเอง อ้างเหตุผลด้วย "กฎหมาย" ว่า ตำรวจเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ
โดยจะเอาคดีฟอกเงินจากเว็บ BNK Master ไปรวมกับ “คดีมินนี่” ทั้ง 2 ภาค โดยมองว่าเป็นคดีเดียวกัน
แม้ด้วยความเป็นจริงและหลักปฏิบัติ คนที่อ่านกฎหมายรู้ ดูกฎหมายเป็น จะเห็นแย้ง ที่สำคัญ
ทั้งที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่มีมติใดๆ แต่ตัวเลขาธิการ ป.ป.ช. รีบด่วนสรุปให้ “โจ๊ก” แบบไม่ต้องขอ ก็จัดให้
เพราะฉะนั้นจึงอดคิดไม่ได้ว่า...ป.ป.ช.น่าจะเป็นที่ที่ "ฟอกขาว" ดังที่ โจ๊กมั่นใจ หรือไม่ !?
คำถามต่อไป เพราะ “นิวัติไชย” ศรัทธาอะไรในตัวโจ๊ก หรือ โจ๊ก กุมความลับอะไรของนิวัติไชย !?
และช่างน่าสงสัยเสียเหลือเกิน จะด้วยอะไร หรือ โดนโจ๊กเล่นของมนต์ดำใส่ หรือไม่ ? ป.ป.ช.ทำอะไรจึงค้านสายตาประชาชน
อีกทั้งก่อนนี้ สังคมก็ได้เห็นกันอยู่แล้วว่า เล่ห์เหลี่ยมการตุกติก พลิกแพลง อย่างคดีฟอกเงิน BNK Master ทีมโจ๊กลงทุนจัดฉากให้ตำรวจก๊วนเดียวกัน แจ้งจับกันเอง เพื่อลากให้คดีมาถึงมือ ป.ป.ช.
ทว่า ป.ป.ช. กลับหลับหูหลับตาตีมึน ไม่รู้เล่ห์เหลี่ยมนี้ซะงั้น
นี่ทำให้ คนนินทา หมาดูถูก ว่า แค่ความผิดปกติแบบนี้ ป.ป.ช. ยังเมินเฉย ไม่รู้เท่าทัน ประเทศชาติก็ไม่รู้จะฝากผีฝากไข้ปราบโกง ได้อย่างไร
เช่นเดียวกันกับการจัดการ "หนอนโจ๊ก" คนใน ป.ป.ช.ที่ช่วยเหลือโจ๊กแต่งบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จ “นิวัติไชย” ชี้แจงว่าเป็นแค่ “แกะดำ” ตัวหนึ่งในองค์กร ตอนนี้ก็จัดการย้ายจากตำแหน่งเดิมไปแล้ว
บอกตามตรง ไม่น่าเชื่อว่านี่เป็นคำพูดของคนระดับเลขาธิการป.ป.ช. องค์กรที่มีหน้าที่ปราบปรามและป้องกันการทุจริต ประพฤติมิชอบ
เจ้าหน้าที่ภายในของตัวเองประพฤติชั่ว แค่ย้ายไปทำหน้าที่อื่นแทนลงโทษไล่ออก
ประสาอะไรกับคดีโจ๊กและพวก คงต้องถาม “นิวัติไชย” จะให้ชาวบ้านร้านตลาดไปซื้อหวยเอาไว้ล่วงหน้าได้เลยหรือเปล่า ว่า ป.ป.ช.ยุคนี้ จะโอนอ่อนผ่อนตาม “โจ๊ก” ไร้น้ำยาที่จะพิจารณาความผิดของ อดีต รอง ผบ.ตร.
ฟังแล้ว หัวเราะไม่ออก ร่ำให้ไม่ได้จริงๆ
** “หมอชลน่าน” เปิดใจ ถูกปลด ไม่ใช่คุมข้าราชการไม่ได้ หรือถูกวางยา
หลังจาก “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” ถูกปลดพ้นตำแหน่ง ต้องกลายเป็นอดีต รมว.สาธารณสุข...ในโซเชียลฯ ก็มีกระแสที่แสดงออกถึงความเห็นอกเห็นใจ ที่ถูกกระทำ เข้าทำนอง “เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล” เพราะก่อนหน้านี้ “หมอชลน่าน” ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็ได้ทุ่มเท ทำงานให้กับพรรคอย่างเต็มที่
เมื่อเป็นอย่างนี้ แน่นนอนว่าเจ้าตัวก็มีการแสดงออกถึงความ “น้อยใจ” ให้เห็นบ้าง
“ประเสริฐ จันทรรวงทอง” รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่เป็นอดีตเลขาธิการพรรค บอกว่า ได้พูดคุย ให้กำลังใจไปแล้ว เท่าที่ดูก็ยังมีกำลังใจดีอยู่ เชื่อว่าคงไม่ตัดสินใจลาออกจากพรรค ท่านเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถหลายด้าน ที่จะเป็นประโยชน์กับพรรค
ก่อนหน้านี้ “ชมรมแพทย์ชนบท” ก็ออกมาให้กำลังใจ“หมอชลน่าน” เช่นกัน โดยมีมุมมองว่า เป็นเพราะในกระทรวงหมอ มีการแบ่งก๊ก แบ่งกลุ่ม ระดับบิ๊ก ทำงานอืด มีการวางยา วางกับดักให้เป็นคู่ขัดแย้ง ผู้บริหารคุมข้าราชการไม่อยู่ เหล่านี้คืออุปสรรคที่ทำให้บริหารงานไม่ราบรื่น จึงถูกปลดจาก ครม.
ล่าสุด “หมอชลน่าน” ได้ออกมาโพสต์ เปิดใจ ร่ายยาว ตอบข้อสงสัย รวมทั้งที่เข้าใจกันคลาดเคลื่อน ถึงมูลเหตุถูกปลด โดยพุ่งเป้าไปถึงกลุ่มแพทย์ชนบท
“หมอชลน่าน” เริ่มด้วยคำขอบคุณ เพจชมรมแพทย์ชนบท ที่โพสต์ให้กำลังใจ ขณะเดียวกันก็บอกว่า ข้อมูลที่โพสต์ไปนั้นคลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริงมาก...ชมรมแพทย์ชนบทไม่ควรใช้สถานการณ์เช่นนี้มาสร้างความแตกแยกในกระทรวงอีก พูดง่ายๆว่า “เลิกเสี้ยม” เถอะ
“หมอชลน่าน” บอกว่า “นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ” ประธานชมรมแพทย์ชนบท ได้โทรมาหา ยอมรับว่าเขียนและให้สัมภาษณ์ จากความเห็นของตนเอง และคนในกลุ่ม และได้ขอโทษในสิ่งที่คลาดเคลื่อน
เรื่องที่ว่าเอาข้าราชการไม่อยู่นั้น “หมอชลน่าน” ชี้แจงว่า จริงๆ เรื่องนี้มาจากท่านนายกฯ ให้รัฐมนตรีทุกคน ต้องกำกับดูแล ควบคุมข้าราชการให้อยู่ ให้ทำงานอย่างเต็มที่ ผมเองชื่นชมผู้บริหาร และข้าราชการของกระทรวงฯ ทุกคน ที่เร่งรัดทุ่มเท การทำงานดีมาก ให้ 80 คะแนนขึ้นไป ระดับ A+ สนองนโยบาย สำเร็จตามเป้าหมาย Quick win 100 แต่สื่อที่นำไปเผยแพร่ ตัดบางช่วงคลาดเคลื่อนไป จากความเป็นจริง เป็น "ผมมีผลงานระดับ A+ ผมคุมข้าราชการไม่อยู่ จึงถูกปลดออกจากครม. ผมจึงต้องชี้แจง เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ข้าราชการ น้องๆ ที่ทำงานในสธ.
ส่วนประเด็น “ระดับบิ๊ก” อืดไม่ตอบสนองการเปลี่ยนแปลง เรื่องนี้ ตนใช้ผลงานเป็นตัววัด ไม่ให้ความสำคัญ กับคำว่า "คนของใคร" แต่ขอให้เป็น "คนของประชาชน" ทำงานเพื่อประชาชน ก็พอ
ส่วนเรื่องถูกวางยา ให้เป็นคู่ขัดแย้งกับ สปสช.นั้น “หมอชลน่าน” บอกว่า ตั้งแต่เข้ามาทำงาน ในฐานะประธานบอร์ด สปสช. สามารถทำงานกับ เลขาฯสปสช.ได้เป็นอย่างดี เลขาฯสปสช. ทำหน้าที่ในกรอบกฎหมายกำหนด ตอบสนองนโยบายเรือธง "ยกระดับ 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว" ขับเคลื่อนวางงบประมาณรองรับ อย่างเป็นระบบ ราบรื่นดี ไม่มีปัญหา เฟส 1 นำร่อง 4 จังหวัด เฟส 2 ขยายเพิ่ม อีก 8 จังหวัด เฟส 3 เพิ่มอีก 33 จังหวัด ตั้งงบฯปี 67 รองรับแล้ว เฟส 4 จังหวัดที่เหลือ ตั้งงบฯปี 68 รองรับ มีกฎหมาย กฎ ระเบียบกำหนดหน้าที่และอำนาจไว้ชัดเจน ว่าการจัดสรรจ่ายเงินเป็นอำนาจ หน้าที่ ของ สปสช. ตามมติบอร์ด ดังนั้นจึงไม่มีเรื่องวางยาใดๆ ทั้งสิ้น
อีกเรื่องที่มีการพูดถึงกันมากคือเรื่อง “ยาบ้า 5เม็ด” ถือเป็นผู้เสพ “หมอชลน่าน” บอกว่า การบำบัดรักษาฟื้นฟูยาเสพติด เป็นงานที่ขับเคลื่อนได้ยาก เพราะไม่มีกฎกระทรวงรองรับ ให้สมัครใจเข้ารับการบำบัดรักษา โดยไม่ถูกตีตรา เป็นคดี จะได้ดำรงชีวิตในสังคมได้เหมือนคนปกติ ทั้งที่มีกฎหมายประมวลยาเสพติด ตั้งแต่ ปี 2564 พยายามเสนอกฎกระทรวงกำหนดปริมาณยาบ้า เพื่อสันนิษฐานว่า มีไว้เพื่อเสพ ถึง 2 ครั้ง ครั้งแรก เสนอ 15 เม็ด ไม่ผ่าน ครม. กลับมาทำใหม่ เสนอ 1 เม็ด ก็ไม่ผ่าน ครม. จนมาถึง รัฐบาลนายกฯเศรษฐา ทวีสิน ครม.ให้ความเห็นชอบไม่เกิน 5 เม็ด ผมในฐานะรัฐมนตรีสาธารณสุข เป็นผู้ลงนาม ในกฎกระทรวง ตามกฎหมายกำหนด ได้เร่งรัดใหัมีสถานบำบัด และชุมชนเป็นฐานในการบำบัดรักษา CBTx มีผู้เข้ารับการบำบัดรักษาถึง 70,000 คน
“ผมได้พูดกับคุณหมอสุภัทร ไปแล้วว่า การออกมาให้ข้อมูลทางสื่อ Social โดยอาศัยจังหวะที่ผมถูกปลดออกจากรัฐมนตรี เพื่อขยายความขัดแย้งระหว่างกลุ่ม กล่าวหาอีกกลุ่มหนึ่ง ถือว่าไม่เหมาะสม คุณหมอสุภัทร เองก็เข้าใจแล้ว และบอกว่า จริงๆ ตั้งใจจะให้กำลังใจผม ซึ่งผมก็ขอขอบคุณ แต่ให้ระมัดระวังในการเขียนเนื้อหาที่บางทีมาจากความไม่รู้ อาจจะบิดเบือน ทำให้มองได้ว่า ผมเป็นคนไม่มีความรู้ความสามารถ คุมข้าราชการไม่ได้ ถูกวางยา ทำให้งานไม่บรรลุเป้าหมาย ซึ่งทำให้ผมเสียหาย จึงขออนุญาตชี้แจงเพื่อปกป้อง ไม่ให้เกิดความเสียหาย ไม่เกิดความแตกแยก และไม่ให้ผมถูกทำลายไปมากกว่านี้”
จากภาพโดยรวมของสถานการณ์ที่เกิดเชื่อว่า “หมอชลน่าน” คงไม่ลาออกจากพรรคเพื่อไทย ส่วนจะไปถึงตำแหน่ง “ประธานสภาผู้เทนราษฎร” ตามที่ใฝ่ฝันหรือไม่ ต้องติดตาม
แต่ก็มีเสียงจาก “มุข สุไลมาน” เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร ออกมาแล้วว่า ถึงวันนี้ก็ยังมีการเคลื่อนไหวให้ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ออกจากตำแหน่ง ซึ่งนายวันมูหะมัดนอร์ ยืนยันว่า จะเป็นประธานฯ ต่อไปจนครบเทอมของสภาชุดนี้ ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องลาออก ใครที่กำลังกดดันให้ ประธานสภาฯลาออก ขอให้หยุดได้แล้ว
ลองนึกภาพดู บริบททางการเมืองในวันนี้ ใครที่ทำตัวเหนืออำนาจตุลาการ เป็นนักโทษที่ไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว ใครทำตัวเหนืออำนาจบริหาร ที่เวลาจะปรับครม.ทั้งรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี ต้องวิ่งเข้าไปหา และถ้าพรรคเพื่อไทย ยังยึดตำแหน่งประธานสภาฯ ที่เป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติไปอีก
เขาคนนั้นมิอยู่เหนือ อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และ อำนาจตุลาการ หรอกหรือ