เมืองไทย 360 องศา
นาทีนี้ถือว่า การปรับคณะรัฐมนตรีในแบบ “เศรษฐา1/1” หรือว่า “เศรษฐา 2” ได้ผ่านไปเรียบร้อยแล้ว เป็นการปรับ “ขนาดกลางๆ” ไม่กี่ตำแหน่ง ส่วนใหญ่ตำแหน่งสำคัญล้วนเป็นเรื่องของพรรคเพื่อไทยเป็นหลัก ที่เหลือก็ตามน้ำกันไป ไม่ค่อยขยับมากนัก
สำหรับรายชื่อคณะรัฐมนตรีในส่วนของพรรคเพื่อไทย ที่ถูกปรับออกออกมี 3 คน คือ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ และ นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต.ประจำสำนักนายกฯ
ส่วนผู้ที่ถูกวางตัวให้เข้ามารับตำแหน่งใหม่ 4 คน คือ นายพิชัย ชุณหวชิร รับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ควบรมว.คลัง นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการ รมว.คลัง เป็น รมช.คลัง ซึ่งจะทำให้กระทรวงการคลังมีรัฐมนตรี 4 คน รวมกับ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง และ นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รมช.คลัง ในโควตาพรรครวมไทยสร้างชาติ ยังไม่ถูกปรับออก
ส่วนน.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด เป็น รัฐมนตรีประจำสำยักนายกรัฐมนตรี เช่นเดียวกับ นายพิชิต ชื่นบาน ที่ปรึกษาของนายกฯ เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ นายจักรพงษ์ แสงมณี โยกจาก รมช.ต่างประเทศ มาเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ขณะเดียวกัน มีการสลับให้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน จากรองนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่ง รมว.สาธารณสุข นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ได้ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี เพิ่มเติม ส่วนนายปานปรีย์ พหิทธานุกร หลุดตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี เหลือเพียงตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ
พรรคพลังประชารัฐ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.ฉะเชิงเทรา เป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์ ซึ่งโควตาดังกล่าวเป็นการสลับกันระหว่างพรรคเพื่อไทย กับพรรคพลังประชารัฐ ที่เดิมนายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร ถูกวางตัวให้เป็น รมช.พาณิชย์ แต่พรรคพลังประชารัฐ ขอแลกกับรมช.เกษตรฯ พร้อมกันนี้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ และเลขาธิการพรรค ยังมีแนวคิดทำให้กระทรวงเกษตรฯ เป็นกระทรวงภายใต้กำกับดูแลของพรรคพลังประชารัฐ แบบเบ็ดเสร็จ
พรรครวมไทยสร้างชาติ เปลี่ยนตัวรัฐมนตรีจาก นายอนุชา นาคาศัย รมช.เกษตรและสหกรณ์ มาเป็น นายสุชาติ ชมกลิ่น โดยให้ดำรงตำแหน่ง รมช.พาณิชย์
สรุป การปรับ ครม.ครั้งนี้ มีรัฐมนตรีหลุดจากตำแหน่ง 4 ราย ประกอบด้วย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต.ประจำสำนักนายกฯ และนายอนุชา นาคาศัย รมช.เกษตรและสหกรณ์
ขณะเดียวกัน มีรัฐมนตรีหน้าใหม่ 6 คน ประกอบด้วย นายพิชัย ชุณหวชิร นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล น.ส.จิราพร สินธุไพร นายพิชิต ชื่นบาน นายอรรถกร ศิริลัทธยากร และนายสุชาติ ชมกลิ่น
หลังจากนี้ ที่น่าจับตามากที่สุด ก็คือการทำงานของบรรดารัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรคเพื่อไทยนั่นแหละ โดยเฉพาะในตำแหน่งกระทรวงการคลัง ที่นายเศรษฐา ทวีสิน ต้องเลิกควบ และพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการ แล้วให้ นายพิชัย ชุณหวชิร เข้ามานั่งเก้าอี้แทน ซึ่งก็เดาไม่ยากว่า เป้าหมายก็เพื่อมาผลักดันนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ให้เดินหน้า
แต่ก็อย่างว่า นาทีนี้ทุกอย่างมันไม่ง่าย และมีความเสี่ยงสูง และที่สำคัญมาถึงตอนนี้ กลายเป็นว่านโยบาย “เรือธง” ดังกล่าวของพรรคเพื่อไทย กำลังกลายเป็น “ตัวฉุด” คะแนนนิยมให้กับพรรคเพื่อไทย และรัฐบาลไปแล้ว หลังจากต้องล่าช้า เพราะความไม่พร้อม ไม่รอบคอบ และเสี่ยงผิดกฎหมาย และยิ่งทอดเวลาออกไปนานมากเท่าไร ก็ยิ่งกลายเป็นผลลบจนฟื้นยาก
ไม่เชื่อก็ลองท่องโซเชียลฯ ดูก็ได้ว่าเวลานี้ชาวบ้านร้านตลาดมีการวิพากษ์วิจารณ์นโยบายแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ตกันดุเดือดแค่ไหน ทั้งในเรื่องความซับซ้อน ซ่อนเงื่อน ไม่แจกเป็นเงินสดบ้างละ ปลายทางเงินไปกองอยู่ที่เจ้าสัวบ้างละ ยิ่งพูดยิ่งเห็นภาพ แต่มันเป็นภาพลบมากกว่าบวก
ขณะเดียกัน เมื่อหันมาพิจารณาเรื่องการปรับครม.คราวนี้ หากโฟกัสไปที่พรรคเพื่อไทย ถือว่า “เริ่มรวน” และสะเทือนไปถึงรัฐบาล ไปถึง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่เวลานี้ “หัวเดียวกระเทียมลีบ” ยิ่งกว่าเดิม ไม่มีตำแหน่งให้ควบแล้ว จากเดิมที่มีข่าวว่าจะโยกมาควบกลาโหม ก็กลายเป็นว่า นายสุทิน คลังแสง ยังได้รับไฟเขียวจาก“นายใหญ่” ให้นั่งเก้าอี้เชื่อมโยงกับกองทัพต่อไป ส่วนตำแหน่งอื่นๆ ก็ถูกมองว่าเคาะมาจากนายทักษิณ ชินวัตร ทั้งสิ้น
อีกทั้งเมื่อพิจารณาจากรายชื่อครม.ชุดใหม่ ก็ล้วนเป็นคนใกล้ชิดของนายทักษิณ เกือบทั้งหมด หรือทั้งหมดก็ว่าได้ เรียกว่าเป็นรัฐมนตรีของเขาแบบเต็มร้อย แต่ในขณะเดียวกัน เมื่อกำลังอยู่ในภาวะ“ถดถอย” ไม่เหมือนเดิม มันก็เกิดแรงสะท้อนกลับไปหานายทักษิณ เต็มๆ เช่นเดียวกัน และทุกอย่างเริ่มไม่เป็นใจ กลายเป็นว่า เวลานี้เขากำลังตกเป็น “เป้านิ่ง” ถูกวิจารณ์ในทางลบแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน กลายเป็นทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย รุมถล่มรุนแรงหนักขึ้นทุกวัน
ดังนั้น หากสรุปแบบรวบยอดสำหรับการปรับ ครม.คราวนี้ ไม่น่าส่งผลในทางบวกมากนัก เพราะเมื่อพิจารณาจากรายชื่อที่ปรากฏ รวมไปถึง “แบ็กกราวด์” แต่ละคนที่ดูแล้ว “งั้น ๆ” ล้วนไม่ต่างจาก “เด็กในบ้านของนาย” ไม่ได้เด่นดังอะไรนัก แต่ขณะเดียวกัน ก็ได้มองเห็นภาพการขับเคลื่อนนโยบาย “ดิจิทัลวอลเล็ต” ที่หนทางข้างหน้ายังลูกผีลูกคน หยุดก็ไม่ได้ เดินหน้าก็ลำบาก แต่ยิ่งปล่อยให้ทอดนานออกไป มันก็ฉุดความนิยม เสียเครดิตลงไปเรื่อยๆ !!